วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เรื่องที่ 1 พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ โปรดให้การช่วยเหลือลูกกตัญญู

ดิฉัน ขอถวายพระพรและ ขออนุญาตจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า พระองค์เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยกระแสแห่งความรักและความเมตตาที่มีให้แก่สัตว์โลกทั้งหลายอย่างที่สุดไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ ดิฉันจะขอเล่าประสพการณ์ชีวิตของผู้ปฎิบัติธรรม ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเคารพศรัทธาในพระแม่กวนอิม ถ่ายทอดเป็นประสพการณ์ให้กับเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายได้รับรู้ว่า บุญมีจริง พลังแห่งความดี และพลังแห่งศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพียงท่านศรัทธาจริง ปฎิบัติจริง ทุกอย่างย่อมคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี และที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้นแน่นอน
และที่สำคัญกว่านั้นจุดประสงค์ของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆนี้ เพื่อบูชาพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า บูชามหาเทพ มหาพรหม บรมครูทุกพระองค์ บูชาบิดา-มารดา และเทวดาทุกชั้นวิมาน บูชาคุณงามความดี บูชาศีล-บูชาธรรม ดังนั้นเมื่อเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ขอให้งานเขียนของดิฉันจงสำเร็จประโยชน์ทุกประการเทอญ และหากมีสิ่งหนึ่งอันใดผิดพลาดขอให้สิ่งศักดิ์ทั้งหลายได้โปรดให้อภัยและอดโทษแก่ดิฉันด้วยเถิด พร้อมทั้งได้โปรดเมตตาดลจิตดลใจ ชี้ทางแห่งปัญญาให้เกิดในบัดดลเพื่อถ่ายทอดประสพการณ์บุญให้บรรลุผลแห่งความดีทุกประการ เทอญ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
เรื่องที่ 1 ความกตัญญู เป็นเลิศที่สุดแห่งการปฎิบัติธรรม แม้แต่องค์สมเด็จพระภควันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านยังเสด็จไปโปรดพระมารดาบนสวรรค์ไปแสดงธรรมให้พระราชมารดาได้รู้ตามในพระธรรมนั้น ตามที่เราได้ศึกษามาในพระพุทธศาสนาและมีน้ำพระทัยอันงดงามที่จะไปโปรดแก่พระบิดา และพระญาติ ตลอดจนถึง ครูบาอาจารย์ และปัญจวัคคีทั้ง ๕ ผู้เคยปฎิบัติ อุปถัมถ์ เมื่อครั้งยังบำเพ็ญทุกขกริยาอยู่ พระองค์ท่านไม่เคยลืมบุญคุณใคร มีแต่คิดจะทดแทนบุญคุณนั้นตลอดเวลา ด้วยการประกาศพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วให้เขาเหล่านั้นได้รู้ตาม เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบเทียมได้เลย พระองค์ทรงแสดงธรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยความกตัญญูไว้หลายเรื่อง ดังที่เราพอทราบแล้ว ส่วนพระประวัติของพระแม่กวนอิมเจ้าพระมหาโพธิสัตว์ผู้ยอมสละแขนทั้งสองและดวงตาทั้งสองของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตพระราชบิดาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพยามัจจุราช โดยไม่เสียดายชีวิตหรือกลัวว่าตนจะต้องกลายเป็นคนพิการแต่อย่างใด จนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ในที่สุดนั่นเอง โอม มณี เปมา ฮูง สำหรับบุคคลที่จะกล่าวถึงนี้ ขอสงวนนามของเจ้าของเรื่องเพื่อสะดวกในการเผยแพร่ธรรมสืบไป
15 ปี ที่ผ่านมา ณ. บ้านหลังหนึ่งย่าน อำเภอบางเขน กทม. มีสตรีนางหนึ่ง อายุประมาณ 30ปี เป็นบุคคลที่ชอบการปฎิบัติธรรมและพยายามที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติธรรมให้เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เธอผู้นี้มีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีอะไรโก้หรู ทางบ้านก็ทำการค้าระดับปานกลาง แต่เหตุมีอยู่ว่า ผู้เป็นบิดาของเธอผู้นี้ได้ไปทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาทำกิจการบ้านเช่า โดยนำที่ดินไปทำจองนองกับธนาคาร และให้บุตร-ธิดาเป็นผู้ค้ำประกัน ได้เงินกู้มาประมาณ ๕,000,000 (ห้าล้านบาท) ผ่อนชำราะ ๕ ปี
เรื่องมันน่าจะดีไม่มีปัญหาแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่ผู้เป็นบิดาได้รับการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารมาแล้วและพร้อมกับรับเงินก้อนแรกเพื่อนำมาทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าว เธอผู้นี้ได้สังเกตเห็นบิดาของตนดูไม่มีความสุข ทานข้าวได้น้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ (ปกติมักจะนอนพักผ่อนตอนกลางวัน) และตอนกลางคืนตื่นบ่อยกว่าปกติ แต่ที่เห็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในบุคคลิกของผู้เป็น บิดา คือท่าก่ายหน้าผาก กับท่าถอนหายใจ เธอเฝ้าดูอยู่ประมาณ ๒ อาทิตย์จึงตัดสินใจคุยกับท่าน ได้รับคำตอบว่า “กลุ้มใจ ที่ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องลำบากมาเซ็นคำประกันหนี้ให้พ่อ และ เงินกู้ก้อนนี้ก็มากด้วย อีกทั้งไม่เคยทำกิจการบ้านเช่า ไม่รู้ว่าจะดีไม๊ กังวลหลายอย่าง (และพอดีช่วงนั้นมีปัญหาวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา กับคนงานก่อสร้างเล่นตัว เนื่องจากว่าจ้างรับเหมาเฉพาะค่าแรง) เธอผู้นั้นรู้สึกสงสารบิดามาก เพราะท่านทั้งไม่กินและไม่นอน ดูซูบลง แววตาผู้เป็นพ่อมีความกังวลตลอดเวลา หลังจากนั้น ๓ วัน จึงตัดสินใจว่า ตนจะปฎิบัติธรรมอย่างเคร่งถวายบุญเป็นพุทธบูชา และขอให้บุญกุศลนั้นตอบแทนบิดาของตนให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้โดยเร็วที่สุด เธอได้บอกผู้เป็นบิดา และญาติของเธอว่า ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะปิดวาจา ถือศีล ๘ ทานเจนุ่งขาวห่มขาว และสวดมนต์ตลอดค่ำคืน ตั้งแต่ เที่ยงคืนไปยันรุ่งสว่าง ห้ามผู้ใดรบกวนและขอร้องให้ผู้เป็นพี่สะใภ้ ทำกับข้าวเจให้ทุกวัน โดยที่ไม่ให้เหตุผลอย่างใดกับใครทั้งสิ้น ยกเว้นผู้เป็นบิดาเพียงผู้เดียวโดยขอร้องว่าไม่ให้บอกใคร “การปฎิบัติธรรมครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไม๊ แต่ลูกเชื่อมั่นในความศักดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อมั่นในความกตัญญูของลูก ขอให้พ่อเก็บเป็นความลับด้วย
เธอเริ่มปฎิบัติตั้งแต่วันนั้นโดยเข้าห้องพระจุดธูปอธิฐานจิตตามที่ตั้งใจ ขอให้พระโปรดประทานความเมตตาให้เกิดหนทางในการปลดหนี้ให้พ่อด้วยเถิด แล้วตนจะทานเจให้ตลอด ๗ วันนี้ พร้อมบำเพ็ญตบะบารมี สวดมนต์ต่อเนื่องไม่หยุดตลอดเวลาในขณะที่เข้าที่ปฎิบัติหน้าพระ จนกว่าเทียนทั้ง ๙ เล่มที่ใช้ประกอบการสวดมตน์ในแต่ละคืนจะหมดเล่มโดยไม่ทำให้ดับแต่จะให้เทียนดับเองและจะไม่ลุกจากที่ผ้าปูนั่งเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแต่ละวันใช้เวลาประมาณ ๙ ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ในคืนแรกเธอสวดมนต์บท พาหุง มหากา จนสว่าง ขณะที่พักผ่อนในเช้าวันนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาบอกว่า ให้สวดมนต์บท มหากรุณาธรณีสูตร ของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระแม่รอให้การช่วยเหลืออยู่ ครั้งแรกเธอไม่เชื่อและคิดว่าตนไม่ถนัดกับพระคาถาบทนี้ แต่ก็ลองสวดดู และตั้งจิตอธิฐานว่า “หากการแสดงกตัญญูกตเวทิตาของลูกนี้สำเร็จสามารถช่วยพ่อของลูกได้ ขอให้เทียนอย่าดับเลยแม้แต่เล่มเดียวตลอดทั้ง ๗ วัน ๗ คืน” เมื่อเวลาผ่านไป จนวันที่ ๗ มาถึง ในเช้าของวันที่ ๘ เธอผู้นั้นก็ยังคงนั้งสมาธิต่อเพื่อแจ้งต่อพระเจ้าว่า ครบ ๗ วันแล้วจะขอพักผ่อน ส่วนคืนนี้จะขอเพียงนั่งสมาธิเท่านั้น แต่จิตในจิต เหมือนมีคนมาคุยด้วยว่า เธอจะต้องละเว้นเนื้อสัตว์ไม่นำเนื้อสัตว์มาเป็นอาหาร และหมั่นสวดมนต์ภาวนา ปฎิบัติธรรมให้มากขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น เธอคิดว่าคงคิดไปเองแต่ก็รับปากไปว่าถ้าสำเร็จจริงก็จะปฎิบัติให้ และขอให้ได้ทรัพย์มากพอที่จะปลดหนี้ให้กับพี่น้องตนด้วยรวม ๖ คน หลังจากนั้น ๓ วันมีคนมาขอซื้อที่ดินของพ่อที่พระโขนงซึ่งเป็นที่รกร้าง โดยบอกว่ามีคนให้ที่อยู่มาเป็นชายแก่อายุประมาณ ๗๐ ปี ขี่จักรยานสวนทางกับผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อถามว่ามีใครจะขายที่แถวนี้บ้างไม๊ ต้องการซื้อไว้ทำโกดังลุงก็หยิบกระดาษเก่าๆ (เก่าจนเหลือง) มีชื่อของเธอผู้นั้นพร้อมที่อยู่ แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และผู้ซื้อก็มาตามที่อยู่ จนพบกัน ตกลงซื้อขายภายใน ๑ ชั่วโมง วางมัดจำอย่างไม่ต้องทำใบรับเงินและเทเงินสดภายใน ๗ วัน ที่กรมที่ดินเป็นอันหมดหนี้ทั้งปวง (คงสงสัยว่าทำไมง่ายจัง เพราะเธอเล่าเรื่องของเธอให้ชายผู้นั้นฟัง ทั้งยังบอกด้วยว่า เธอไม่เคยให้ที่อยู่กับใครเลย และชื่อที่อยู่ในกระดาษเป็นชื่อใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาแต่กระดาษที่เขียนมานั้นก็ไม่ใช่ลายมือเธอกับอายุกระดาษก็คงนานมากแล้ว ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เป็นบิดาเป็นเจ้าของที่ดินต่างหาก เขาผู้นั้นกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเขาต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่จะได้ที่ดินแปลงนี้ไป เพราะถ้าเป็นจริงเขาคิดว่าลุงคนนั้นคงเป็นเทวดาจำแลงแน่นอน) และหลังจากนั้นอีกไม่นานประมาณไม่ถึงเดือน ก็มีคนมาของซื้อที่อีกแปลง อย่างง่ายดายเทเงินสดทันทีเช่นกัน รวมได้เงินมา ๑๕ ล้าน รวมความทั้งหมดตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรและจนกระทั้งได้รับความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าแล้วไม่เกิน ๒ เดือนทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นกำลังใจให้เธอผู้นั้น เชื่อว่า บุญ-บาป มีจีริง สิ่งศักดิ์- เทพเจ้า-พระโพธิสัตว์มีจริง
นี่เป็นกำลังใจแรกให้แก่บุคคลอื่นๆอีกมากมายที่ยังคลางแคลงสงสัยว่า บุญมีจริงหรือไม่ เทพยดามีจริงหรือไม่ และทำดีได้ดีจริงหรือเปล่า ขอเพียงท่านศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ปฎิบัติธรรม สร้างสั่งสมความดี เพียรงดละเว้นความชั่ว เชื่อว่าท่านจะไม่ตกทุกข์ได้ยาก ทุกอย่างจะคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี (หากมีกระแสกรรมชั่วมากยิ่งต้องเร่งแก้ไข หมั่นสร้างกุศลและความดีให้มาก เน้นการปฎิบัติ ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นสำคัญ พระเจ้าจึงจะช่วยท่านได้อย่างบริบูรณ์) ขอให้พระรักษาธรรมคุ้มครองทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ทั่วกัน
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
บุญกุศลใดที่เกิดจากการเล่าประวัติของเธอผู้นี้และจากการเผยแผ่ธรรมจากเรื่องนี้ ขอน้อมจิตจำนงมุ่งตรงถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ทั่วทั้งแสนโกฎิหมื่นจักรวาล โดยเฉพาะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้แด่พระองค์พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาอย่างที่สุดพระพุทธเจ้าค่ะ และขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับทุกดวงจิตวิญญาณและสัพสัตว์ทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องนี้ทุกท่านโดยทั่วกันเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

๒ ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ ดิฉันสนใจในเรื่องเกี่ยวกับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมานานแล้วค่ะ เพราะเชื่อและศรัทธาในพระองค์มาตลอด จึงได้งดเว้นเนื้อสัตว์ใหญ่ (เนื้อวัว)มาหลายปีตั้งแต่ยังเรียนอยู่จนปัจจุบันแต่งงานแล้ว ก็งดเว้นเนื้อหมูและค่อย ๆ ลดทีละอย่างค่ะ และทานเจในทุกวันพระ(นอกจากว่าไม่สามารถหาซื้อมาทำหรือทานได้จริง ๆ)เพราะดิฉันเชื่อว่า ทุกชีวิตก็ย่อมรักชีวิตของตนเองทั้งสิ้น
ดิฉันเองก็มีปัญหาในชีวิตตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ จนตอนนี้ลาออกจากราชการมาทำกิจการส่วนตัว และเข้าวัดทำบุญ ให้ทาน สวดมนต์ ไหว้พระตามหลักของท่านพระอาจารย์จรัลฯ วัดอัมพวันทุกวันค่ะ หมั่นขออโหสิกรรม ถือศีล 5 และแผ่เมตตาจิต เพราะเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมด้วยค่ะ
ทุกวันนี้ดิฉันรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของชีวิตมากค่ะ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยคือ ความมีเมตตา ใจเย็น กิจการก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะไม่มากมายใหญ่โต แต่ก็ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปได้อย่างดี และดิฉันตั้งใจจะปฏิบัติเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นอายุขัยเลยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญนะคะ
ดิฉันเชื่อเสมอค่ะ ว่า กตัญญูคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของมนุษย์ และเชื่ออีกว่า ความดีนั้นทำได้ไม่ยากเลย ขอให้มีความแน่วแน่ และตั้งใจที่จะทำ พร้อมทั้งศรัทธาในพระพุทธศาสนารับรองว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาทั้งหลายพร้อมที่จะอโหสิกรรมและช่วยเหลือทุกคนค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับบทความนะค่ะ