วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เรื่องที่ 2 พระแม่กวนอิมทรงเมตตาช่วยปลดปล่อยวิญญาณของแม่

เรื่องที่ 2 พระแม่กวนอิมทรงเมตตาช่วยปลดปล่อยวิญญาณของแม่

นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในยุคนี้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เหตุเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ณ. บ้านหลังหนึ่งใน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรเรานี่เอง มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีพี่น้องประมาณ 5 คน ซึ่งบิดา- มารดา ได้เสียชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว แต่ละคนขาดความเคารพรักและสามัคคีต่อกัน มีแต่แก่งแย่งกันตลอดเวลา ยิ่งในขณะนั้นเมื่อไม่มีร่มโพธิร่มไทรมาปกปักษ์รักษาเขาทั้งหลาย ก็เหมือนเรือที่ขาดหางเสือ ต่างคนต่างต้องการผลประโยชน์ ในกองมรดก และช่วงชิงความเป็นใหญ่ในบ้านหลังนั้น จึงเกิดปัญหาขัดแย้งกันอยู่เสมอ จนถึงขั้นแตกหัก ถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องแบ่งทรัพย์สินเป็นเรื่องราวใหญ่โต (ให้น่าอับอายต่อบรรพบุรุษ และต่อวิญญาณของพ่อแม่เป็นยิ่งนัก ถ้าเขาเหล่านั้นสามารถสัมผัสหรือมองเห็นวิญญาณของท่านได้ คงจะได้เห็นว่า ท่านกำลังร้องไห้เสียใจต่อการกระทำของเหล่าบรรดาลูกๆแน่นอน)
วันหนึ่งในขณะที่บุตรสาวคนเล็กของผู้ตายหรืออีกนัยหนึ่งก็คือน้องคนสุดท้องของพี่น้องตระกูลนี้กำลังสนทนากับเพื่อนที่บ้านเพื่อนของเธอ ก็เกิดเหตุการประหลาดขึ้น อยู่ดีเธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เหมือนควบคุมร่างกายไม่ได้และอยากลงนั่งลงกับพื้น กับทั้งตัวเริ่มโคลงเคลง น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไป เป็นเสียงเล็กๆ ใส พูดจาช้าๆ เนิบ ดูใจเย็น และมีรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลา พร้อมกับมือที่ข้างซ้ายจีบระหว่างนิ้งโป้ง กับนิ้วชี้อย่างสวยงามหงายมือขึ้นวางไว้ที่เข่าข้างซ้าย ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ และมือข้างขวาจีบนิ้วเหมือนข้างซ้ายแต่ตั้งตรงประคองไว้ที่บริเวณอกข้างขวา แล้วเปล่งวาจาว่า
“พรุ่งนี้ตอนเช้าให้ร่างนี้รีบกลับไปทำความสะอาดที่บริเวณหิ้งบูชาบรรพบุรุษด่วน โดยเฉพาะบริเวณรูปของผู้เป็นแม่อย่างละเอียดที่สุด สะอาดที่สุด ห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด สงสารดวงวิญญาณของผู้ตาย ออกไปไหนไม่ได้ รับส่วนบุญก็ไม่ได้ ใบหน้าเศร้าหมองมาก และกำลังอยากจะช่วยบุตรหลานให้พ้นกรรม บ้านเรือนจะได้ไม่เดือดร้อน อย่าลืม”
พอพูดจบ เธอผู้นั้นก็นั่งนิ่งๆ สักพัก แล้วกราบลงกับพื้น 3 หนสักครู่ก็ได้สติ ทุกคนถามเธอว่า รู้ตัวรึเปล่าว่าเมื่อสักครู่เป็นอะไร เธอบอกว่ารู้ตัว แต่บังคับตัวไม่ได้ และอารมณ์ในขณะนั้นเหมือนตัวเองอยากพูดแต่ในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นมาจากไหน รู้แต่ว่ามันต้องพูดตามบทที่เหมือนมีคำสั่งให้พูดตามนั้น หลังจากนั้นในตอนเช้าเธอก็ไปทำความสะอาดบริเวณหิ้งบูชาบรรพบุรุษตามบัญชา และเน้นที่บริเวณรูปของมารดา แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ขณะนั้นที่เธอกำลังจ้องมองดูรูปของแม่โดยเฉพาะที่บริเวณดวงตา เหมือนตาจ้องตา อยู่ดีๆ ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า และเหมือนมีอะไรมาสกิดใจให้ถอดรูปแม่ออกมาจากกำแพง พอหันรูปดูด้านหลังพบ ยันสีแดงผืนใหญ่มีอักษรจีนซึ่งเธออ่านไม่ออก ปิดทับไว้ เพียงเท่านั้นน้ำตาของเธอก็พรั่งพรู มีทั้งอารมณ์ที่สงสารแม่ และอารมณืโกรธ ว่าใครช่างใจร้ายต่อดวงวิญญาณของแม่เธอขนาดนี้ เธอ เอายันต์ไปเผาแล้วหาน้ำมาล้างอาถรรถ์ให้แม่ เธอสืบรู้ภายหลังว่าคนที่ทำ คือ พี่สะใภ้ของเธอคนหนึ่ง(ในจำนวน 4 คน) เป็นผู้กระทำโดยความเห็นชอบของสามี (ลูกชายของแม่นั่นเอง) หลังจากนั้นเพียงคืนเดียวเธอก็ฝันเห็นแม่และพ่อมาหาและบอกขอบใจ เรื่องราวภายในครอบครัวจะคลี่คลายในเร็ววันที่สุด ท่านจะช่วยเอง พอเช้าเธอก็ทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทานและกรวดน้ำให้แม่เธอในทันที หลังจากนั้นคดีความก็จบลง ทุกคนแยกย้ายไปในทิศทางที่ตัวเลือก ลูกบางคนก็ได้รับผลกรรมอย่างแสนสาหัส เป็นอัมพฤกตลอดชีวิตตามที่ตนได้สร้างไว้อย่างสาสม
อ้อลืมเล่าไปว่าเพื่อนของเจ้าของเรื่องนี้ได้ถามเธอว่า“รู้ไหม?ว่าเทพเทวดาพระองค์ใดทรงเมตตามาให้ความช่วยเหลือวิญญาณของแม่” เธอตอบไปว่า “ตามที่เห็นภาพลางๆ เหมือนพระแม่กวนอิม”
แต่เจ้าจิตในจิตนี่สิบอกว่า ที่เห็นไม่ผิดหรอกของจริงเลยล่ะเป็นการเน้นย้ำในสิ่งที่เห็นในจิตนั้น แต่วันนั้นเธอไม่กล้าบอกใครกลัวหาว่าแอบอ้างแล้วกลายเป็นคนหรอกลวงไป เธอรอจนกว่าทุกอย่างจะปรากฎ หลังจากนั้นมาเธอก็รู้ว่าพระแม่กวนอิมท่านมีพระเมตตาเสมอและอยู่ใกล้ๆพวกเรานี้แหละ เพียงแต่ท่านจะเสด็จมาโปรดเมื่อเห็นว่าเวลานั้นสมควรและพร้อมกับทั้งบุญบารมีของแต่ละบุคคล ว่าท่านจะสมควรให้ความช่วยเหลือประการใด รูปแบบใดและถึงเวลาหรือยัง สิ่งศักดิ์มีจริงทุกองค์ ขอเพียงเราและท่านตั้งศรัทธาจริง ทำดีจริง ละเว้นความชั่วจริง ฟ้า-ดิน ย่อมมีตา
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่านผู้ปฏิบัติธรรมและท่านผู้มีมุทิตาจิตต่อผู้มีพระคุณทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: