วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เรื่องที่ 3 วิญญาณอาทวดมาบอกลามาบอกลา (เก็งซิวโกว)

เรื่องที่ 3 วิญญาณอาทวดมาบอกลามาบอกลา (เก็งซิวโกว)
เรื่องต่อไปนี้เกิดมาประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุในขณะนั้นประมาณ 6-7 ปีเห็นจะได้ซึ่งเป็นเจ้าของประสพการณ์ที่กำลังจะเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังต่อไปนี้
เรื่องมีอยู่ว่า ขอสมมุติชื่อของเธอว่า เด็กหญิง “บัวบุญ”
บัวบุญมีบิดา-มารดาเป็นคนจีน ประกอบอาชีพอิสระ อยู่แถว ตลาดสนามเป้า อนุเสาวรีย์ชัย กทม. ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่ชอบทำบุญ ทั้งแบบประเพณีจีนและไทย นั่นคือ ทั้งไหว้เจ้าและทำบุญใส่บาตรเลี้ยงพระเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้เป็นมารดา จะต้องต้มข้าวต้มหมู หม้อใหญ่ๆ ไปเลี้ยงพระคณะ 5 ทั้งคณะ ที่วัดสระเกศ ภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่ แถววรจักร เป็นประจำทุกวันพระมิได้ขาด ทำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี โดยให้ผู้เป็นสามีนำไปถวาย และเด็กหญิงบัวบุญ ก็มักจะขอให้แม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำอาหารเลี้ยงพระด้วยเกือบทุกครั้ง โดยไม่ได้มีใครชักจูงหรือบังคับแต่อย่างใด ทุกครั้งเธอก็จะสนุกสนานกับการที่ได้ช่วยทำโน่นนี่อย่างสนุกสนาน เหมือนกับเด็กที่ได้เล่นขายของอย่างไรอย่างนั้น (นั่นอาจจะเป็นเชื้อบุญและอุปนิสัยเดิมที่ติดตามตัวมาตั้งแต่ชาติปางก่อน) ก่อนที่จะนำข้าวต้มไปถวายพระที่วัดสระเกศ ผู้เป็นบิดา-มารดาและเด็กหญิงบัวบุญก็จะใส่บาตรพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตรที่หน้าบ้านก่อนจำนวน 9 รูป (เป็นพระที่เดินมาจากวัดมะกอกซึ่งตั้งอยู่แถวอนุเสาวรีย์ชัยนั่นเอง) แล้วจีงพากันนำข้าวต้มไปถวายพระที่วัดสระเกศต่อไป เธอมักจะขออนุญาตติดตามไปที่วัดสระเกศด้วยเสมอ แต่สำหรับผู้เป็นมารดาจะตามไปวัดด้วยเป็นบางครั้งเพราะต้องการพักผ่อนต่อเนื่องจากตื่นแต่ดึกนั่นเอง
และผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงบัวบุญ มีอาสาวผู้หนึ่งอายุของอาสาวของมารดาในขณะนั้นก้อประมาณ 65-70 ปี เห็นจะได้ ที่เรียกว่า “อาสาว” ทั้งที่อายุมากแล้วเพราะเหตุว่า อาสาวของมารดานั้นเป็นสาวพรหมจรรย์ บวชขาวถือศีลกินเจตลอดชีวิต และใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงเจเท่านั้นไม่ค่อยได้ออกมาสู่โลกภายนอกเท่าไร คุณอาทวดของบัวบุญบวชรักษาศีล สำรวมกายวาจาใจตั้งแต่ยังไม่เป็นนางสาวด้วยซ้ำไป (คนสมัยก่อนทำบัตรประชาชนต้องรอให้อายุ 18 ปีบริบูรณ์ก่อน แต่ปัจจุบันเด็กๆทำบัตรประชาชนตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งถ้าถามข้าพเจ้าเห็นว่ามันเร็วเกินไป เพราะเมื่อมีบัตรประชาชนเร็วแต่สภาวะทางจิต(สามัญสำนึก) ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นยังไม่พร้อมและมีไม่มากพอ เด็กสมัยนี้จึงโตเร็วเกินไปและเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นจึงไม่เกิดสำนึกแห่งความรู้ผิด-รู้ชอบมากเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมายตามมา จากความรู้สึกเขาเหล่านั้นคิดว่า “หนู – ผม โตแล้ว” (ไม่ทราบว่าคนอื่นจะมีความเห็นเหมือนกันรึเปล่า) เด็กหญิงบัวบุญ เรียกคุณอาผู้นี้ว่า “อาทวด” ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เหล่าโกว” แม่ของบัวบุญ มักจะไปเยี่ยมคุณอาทวดที่โรงเจแถวตลาดพลู ย่านฝั่งธนฯเป็นประจำทุกๆ เดือน พร้อมนำขนมเจ ผลไม้ต่างๆ กระดาษเงินกระดาษทองที่ใช้ไหว้เจ้าไปด้วย เมื่อไหว้เจ้าเสร็จ ก็จะมานั่งสนทนา ถามสาระทุกข์สุกดิบกัน พร้อมทั้งแม่ของบัวบุญก็จะ มอบเงินให้อาทวดเก็บไว้ใช้ด้วยทุกครั้ง บัวบุญชอบไปหาอาทวดมาก เพราะเมื่อไปถึงทุกครั้ง อาทวด จะเรียกให้เด็กหญิงบัวบุญมานั่งตัก และใช้มือลูบหัวของบัวบุญพร้อมทั้งให้ศีลให้พรตลอด กับมักจะหาขนมให้กินมิได้หยุด ตลอดถึงท่านจะสอนธรรมะ และเล่านิทานให้ฟังอย่างน้อย 1 เรื่องเป็นเรื่องสั้น บัวบุญจำได้ว่า เรื่องที่เล่าทุกครั้งมักจะเกี่ยวกับการทำความดี และเรื่องของเทพเจ้า-เทวดาเสมอ อาทวดชอบให้เงินกินขนมกับบัวบุญด้วย 20 บาท (สมัยนั้น 20 บาทของบัวบุญเยอะมาก ยิ่งถ้าไปช่วงใกล้ตรุษจีนบัวบุญจะได้อั่งเปาถึง 100 บาททีเดียว ทุกเทศกาลตรุษจีนแม่ของบัวบุญจะซื้อผ้าใหม่ไปให้อาทวดไว้ตัดเสื้อผ้าใส่และให้เงินอาทวดเป็นอั่งเปาทุกปี) สิ่งที่บัวบุญได้จากการไปโรงเจที่อาทวดของบัวบุญอยู่นี้ นอกจากได้รับความรักความเมตตาจากท่านแล้ว ยังได้หัดพับใบเงินใบทอง พับดอกบัว จัดถาดผลไม้ และได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในโรงเจที่สมถะ เรียบง่าย บรรยากาศภายในโรงเจเงียบสงบ ร่มรื่นและสะอาด มีกลิ่นธูป ควันเทียน และเห็นผู้รักษาศีลนั่งสวดมนต์และนับสร้อยประคำ กระจายอยู่ทั่วไป แต่ละคนไม่ค่อยพูอคุยกัน อยู่ในอาการสงบ เป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่บัวบุญชอบมากกว่านั้น คือบัวบุญชอบ แอบมองอาทวดของเธอเสมอพลางคิดตาม ว่า
อาทวดพูดน้อย พูดช้าๆน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล เวลาจะพูดเหมือนนึกอะไรก่อนเสมอ และยิ้มอยู่ตลอดเวลา กริยาท่าทางนุ่มนวลไม่รีบร้อน ท่านั่ง ยืน เดินช้าๆ แต่ไม่เนิบนาบกลับดูกระฉับกระเฉงเสียด้วยซ้ำไป และสิ่งหนึ่งที่อาทวดทำไม่หยุดคือ นับเม็ดสร้อยประคำไม่ว่าจะอยู่อิริยาบทใด ถ้าหยุดนับก็จะนำสร้อยประคำเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อน พอทำอะไรเสร็จ ก็หยิบขึ้นมานับต่อ ส่วนผิวพรรณของอาทวดแม้จะอายุมากแล้วแต่ดูอิ่มเอิบ ขาวเนียนดูสดใสมาก และที่สำคัญแววตาของท่านสดใส ไม่ขุ่นมัวเลย เรียกว่าเป็นลักษณะของคน อิ่มบุญจริงๆ เวลาอาทวดกอดบัวบุญเธอมักได้กลิ่นหอมอ่อนจากตัวอาทวดเสมอ บัวบุญจึงชอบให้อาทวดกอดนานๆ นี่เขาเรียกว่ากลิ่นศีล กลิ่นบุญใช่หรือเปล่า
หลายปีผ่านไปจนบัวบุญอายุประมาณ 14-15 ปี ก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นกับบัวบุญและแม่ของเธอ ในคืนวันหนึ่งขณะที่บัวบุญหลับสนิทก็ได้ฝันไปว่า อาทวดแต่งตัวด้วยชุดขาวทั้งชุดมือข้างขวาถือสร้อยประคำเส้นที่คุ้นตา(ซึ่งบัวบุญเคยถามท่านว่าประคำเส้นนี้ดูเก่ามากอายุเท่าไรแล้วอาทวดตอบว่า “อายุมากกว่าบัวบุญเพราะอายุสร้อยประคำเท่ากับที่อาทวดบวช” เนื่องจากใช้ประคำเส้นนี้มาตลอดเป็นเส้นแรกและเส้นเดียวไม่เคยเปลี่ยนเลย) ในความฝันอาทวดเดินเข้ามาหาเธอที่บ้าน ลักษณะการเดินเหมือนเหาะหรือลอยมามากกว่า พร้อมกับยิ้มให้บัวบุญ ยกมือขึ้นลูบหัวและพูดว่า “เหล่าโกวไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ เหล่าโกวจะไปรออยู่ที่สวรรค์ ทำบุญ ทำความดีเยอะๆนะแล้ววันหนึ่งจะได้ไปอยู่ด้วยกัน ถ้ามีอะไรก็ตาม ให้คิดถึงเหล่าโกวนะ พร้อมกับบอกต่ออีกว่าเหล่าโกวให้เจ้า” พูดเท่านั้น อาทวดก็ส่งสร้อยประคำเส้นนั้นให้บัวบุญ เธอรู้สึกว่าเธอตกใจและร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้อาทวดของเธอ ทันใดเธอก็ตกใจตื่นขึ้น เป็นเวลาเช้าพอดี พอบัวบุญแต่งตัวเสร็จก็เล่าความฝันให้แม่ฟังเมื่อเธอเล่าจบ แม่ของบัวบุญบอกว่าท่านก็ฝันเห็นอาทวดเหมือนกัน แต่อาทวดมายืนเฉยๆ แต่งตัวสวยด้วยผ้าขาว แล้วลอยหายไป ขณะที่เล่าความฝันกันอยู่นั้นก็พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงจากปลายสายโทรมาบอกว่า “อาทวดของบัวบุญตายแล้วอย่างสงบเมื่อตอนประมาณ ตี 3 ของเมื่อคืนนี้เอง” ปัจจุบันสร้อยประคำเส้นนี้ตกอยู่ที่บัวบุญเธอรักสร้อยประคำเส้นนี้มาก เธอบอกว่าสิ่งนี้เปรียบเสมือนของมีค่าที่ล้ำค่ายิ่ง เธอเคยกล่าวว่า ต่อให้เอาทองมากองจนล้นฟ้าก็ไม่ขาย แต่จะยกให้ลูกเพื่อเป็นมรดกอันเป็นมงคลกับลูกหลานของเธอในภายหน้า และตั้งใจจะให้กับลูกหลานที่ใฝ่ในธรรมได้รักษาสืบไป ปัจจุบันเธอใช้ประคำเส้นนี้ในการภาวนาเสมอทุกครั้งที่มีโอกาส และมักจะนำติดตัวในเวลาเดินทางไปไหนไกลๆเสมออีกด้วย เพราะเธอรู้สึกว่ามีอาทวดมาคุ้มครองอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญกว่านั้น อาทวดคือบุคคลตัวอย่างที่ให้เธอได้ปฎิบัติตาม คือ มีความเมตตา รักษาธรรม รักษาความดี ละเว้นการทำชั่วทั้งปวง และการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สมถะดำรงชีวิตอย่างพอเพียงเสมอ ไม่มีอาการของความกระหายอยากได้ สุขุม สงบ ร่มเย็นจริงๆ บัวบุญ บอกว่า “รักอาทวดเสมอค่ะ” บัวบุญก็ยังคิดถึง อาทวดของเธอตลอดไม่เคยลืมเลย และถ้านับอายุของสร้อยประคำเส้นนี้ก็ประมาณ เกือบร้อยปีเศษแล้วกระมัง ขอธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรมโดยทั่วกันและขอผลบุญนี้จงแผ่ไปให้ไพศาลถึงทุกผู้นามในบทความเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาทวดของบัวบุญผู้มีศีลบริสุทธิ์และเป็นผู้ปฎิบัติประพฤติธรรมอันเป็นหน่อเนื้อนาบุญแห่งบุญแท้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: