วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

ความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
โอม นำโม ออ นี ถ่อ ฮุก (หรือ อา มี ทอ ฝอ) ขอบูชาพระอมิตตาพุทธเจ้า
โอม นำโม กวน ซี อิม ผ่อ สัก (หรือ โอม มณี เปมา ฮูง เป็นภาษาธิเบต)

ขอบูชาพระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์กวนอิมเจ้า หลายคนที่เกิดมาในโลกนี้ ยังหาคำตอบให้กับตนเองไม่ได้ว่า ที่แท้จริงพวกเราทั้งหลายเกิดมาเพื่ออะไรไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ล้วนหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ ประสพกับความสับสนวุ่นวายในการดำรงชีวิตตลอดเวลา ท่านที่ทุกข์น้อยก็ว่าสุขแล้ว พอทุกข์เพิ่มขึ้นก็รู้สึกทุกข์อย่างเหลือประมาณจนแทบจะสิ้นใจ ทุรนทุรายพยายามค้นหาวิธีที่จะหนีความทุกข์นั้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะได้รับทุกข์แบบไหน คนจนก็ทุกข์แบบหนึ่ง คนที่มีฐานะปานกลางก็ทุกข์แบบหนึ่ง คนที่มั่งมีพรั่งพร้อมก็ทุกข์แบบหนึ่ง ไม่เห็นมีใครไม่มีทุกข์นอกจากมีทุกข์แล้วยังนิยมการเสาะแสวงหาความทุกข์มาใส่ตัวเพิ่มขึ้นทั้งที่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ที่กล่าวนี้มิได้หมายถึงความทุกข์ที่เกิดจากสถาพบังคับทางธรรมชาติ คือ เกิด แก่ เจ็บ และตายเท่านั้น แต่หมายถึงการเสาะแสวงหาความทุกข์ประเภทสนองความต้องการความสุขทางใจ-ทางกายทุกประเภทด้วย อันเกิดจากตัณหาอุปทานทั้งปวง เพราะจิดใต้สำนึกแห่งความกลัวที่หลบซ่อนอยู่ภายในจิตใจเช่น กลัวความยากจน กลัวความผิดหวัง กลัวความล้มเหลว ฯลฯ กลัวแก่และกลัวตายความจริงแล้วสันชาติญาณของความกลัวแตกแยกย่อยออกไปอีกมากมาย ยิ่งกลัวมากยิ่งหาสิ่งมาสนองกิเลสมากเพื่อปกป้องตนเอง เพื่อเป็นการปลอบประโลมใจว่าสิ่งที่กลัวจะไม่เกิดขึ้น สมหวังก็ดีไป แต่ถ้าไม่สมหวังยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก พอทุกข์มากครั้งทุกข์บ่อยๆจนเกิดเป็นความเคยชินอย่างจิตไร้สำนึก อารมณ์นั้นก็ฝังรากลึกจนเป็นจิตใต้สำนึกกันไปเลยทีเดียว เกิดเป็นการบ่มเพาะกลายเป็นสันดานจนกลมกลืนเหมือนเป็นธรรมชาติ หมักหมมทวีคูณทุกภพทุกชาตินับชาติกันไม่หวาดไม่ไหว บางคนสะสมความดีจนเคยชินตามที่กล่าวมาข้างต้น บางคนสะสมความชั่วจนเคยชินเช่นกัน กรรมแสดงผลออกมาเป็นตัวตนตามภพชาติที่ไปกำเนิดนั้นๆ นี่แหละคือเหตุผลว่า เกิดมาทำไม เกิดมาแลัวต้องทำอะไร และไม่ควรทำอะไร สุดท้ายจะหยุดเกิดได้อย่างไร ถ้าเราตั้งสติให้ดีค่อยๆ ลำดับภาพชีวิต จะค้นพบสัจธรรมบางอย่าง ยกเว้นเราไม่เคยให้ความละเอียดปราณีตและมอบความเมตตาให้กับชีวิตของตนเอง มีแต่คิดว่าได้เกิดมาทั้งทีรีบหาผลประโยชน์ใส่ตัวให้มากที่สุด จริงๆแล้วเราเกิดมาทำไม? ข้าพเจ้าคิดว่า เพื่อค้นหาข้อบกพร่องทางจิตวิญญาณ เพื่อสร้างกรรมใหม่ (การละเลยการสร้างความดีมาตลอดเวลาอันยาวนานของการเวียนว่ายตายเกิด) และแก้ไขสิ่งที่ผิด (บาปที่เคยทำมา) รีบหาหนทางไปสู่ทางสว่าง สะอาด สงบ เป็นมหาปัญญาอันเลิศ คือการหลุดพ้นจากกงล้อแห่งวัฎจักร วัฎสงสาร คือ เข้าสู่นิพพานเป็นสิ่งปราถนาสูงสุดของทุกดวงจิต
ถ้าท่านศึกษาทางธรรมมาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม สิ่งที่พอจะสรุปได้คือ ธรรมะ นั้นมุ่งเน้นให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ได้อย่างสงบเย็น ไม่ร้อนรุ่มอันเนื่องมาจากการถูกเพลิงกิเลสตัณหาเผากาย ใจ ตะเกียกตะกายหาวิธีดับไฟกิเลสนั้นอย่างคนหูหนวก ตาบอด และใจแคบ เช่น การดิ้นรนเรื่อง ปากท้อง ชื่อเสียง เกียรติยศ ความรัก ความใคร่ ความไม่รู้จักพอ โดยอ้างถึงสังคมรอบข้างโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น แต่ไม่เคยมองตนเองว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นที่ใจเรา นั่นคือ ตอบสนองความอยาก-ความต้องการ ปกป้องตนเองให้พ้นจากความขาดที่เติมไม่เคยเต็ม เป็นนิสัยเคยชินจนกลายเป็นขันธสันดานของตนเอง พยายามหาวิธีทำอย่างไรให้ตนเดินนำหน้าคนอื่นหรืออย่างน้อยยืนเสมอคนอื่น ลืมคิดไปว่า ตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ต้องเทียบกับใคร สุขใจจริงกว่า
ลองมาคิดทบทวนสิ่งนี้ดูสักตัวอย่างเช่น ความต้องการมีทรัพย์และการมีหน้าตาทางสังคม (ขอกล่าวเพียงสั้นๆให้ได้ใจความ) คุณแสวงหาทรัพย์เพื่ออะไรเพื่อข้าวปลาอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม..........หลังจากนี้เป็นความต้องการทางใจ ของที่ได้มาต้องดีกว่า เด่นกว่า ลูกหรือคนรักของตนต้องเหนือกว่า บ้านต้องหลังใหญ่กว่า รถยนต์ต้องหรูหราราคาแพงกว่า อาหารต้องวิจิตรปราณีตกว่า และบางคนในสังคมมีมากกว่านั้นเช่น แก้วแหวนเงินทองเครื่องประดับต่างๆ รวมไปถึงความฟุ้งเฟ้อในยุคปัจจุบันอาทิ โทรทัศน์จอยักษ์ โทรศัพท์มือถือสารพัดประโยชน์มั้ง? บัตรดีใจจังเป็นหนี้แล้ว! (บัตรเครดิต) เป็นต้น รวมไปถึงการสนองกิเสสแบบน่าอัศจรรย์ใจในคนบางจำพวก เช่น พวกมีเทพรักษา มีองค์คุ้มครอง ไม่ได้บอกว่าท่านไม่มีจริง และไม่ได้ยืนยันว่าท่านมีจริง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องความเชื่อและประสพการณ์ตรงของแต่ละคน แต่ที่พบเห็นเสมอคือแต่ละคนมักกล่าวว่าเทพของตนยิ่งใหญ่กว่า แน่กว่า แรงกว่า (เรียกว่าองค์เล็กไม่ได้เดี๋ยวหาว่ากระจอกต้องระดับมหาเทพเท่านั้น เฮ่อ!) ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้คนส่วนมากมักเป็นเช่นนี้ ยกเว้นพระอรหันต์ พระอริยะ หรืออริยะบุคคลเท่านั้นที่รู้ทันกลเกมแห่งกรรมและการหลุดพ้นจากกลไกแห่งกรรม มีอยู่อย่างหนึ่งพอจะยกให้ท่านคิดตามได้ เช่น พระธุดงค์ หรือพระสายธรรมยุต มีกฎว่า เมื่อรับบาตรมาแล้ว ให้ฉันในบาตร และต้องสำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ให้มอง ลอบมอง ชำเลืองมองไปที่บาตรและอาหารของพระองค์อื่น เพื่ออะไรขอให้ท่านลองพิจารณาเอง ตัวอย่างง่ายๆ นี้ ถ้าเป็นเราๆ ท่านๆ ลองนำไปใช้บ้างกับการดำเนินชีวิต คิดว่าคงได้ประโยชน์มหาศาล กับโลกนี้ทั้งใบ เพราะทุกคนจะรู้จักคำว่า “พอเพียง อย่างเพียงพอ” ของแท้และของจริง! แต่เราท่านมีนิสัยเคยชินคือ ชอบแอบมอง แอบคิด แอบทำ ชอบเปรียบเทียบนั่นจึงทำให้เกิดเป็น ความอยาก ต้นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวง เมื่อแอบบ่อยๆ มันก็เต็ม เหมือนน้ำเต็มแก้วก็ต้องล้นออกมา เป็นการกระทำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสนองความต้องการ เมื่อทำบ่อยๆก็เคยชินจนไม่ต้องแอบอีกต่อไป สืบทอดเป็น DNA และวัฒนะธรรมว่า ผู้ใดมีมากกว่า(ในทุกด้านแล้วแต่บุคคล) ผู้นั้น เด่น ดัง น่านับถือ น่าเป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นหลัง จนแยกไม่ค่อยออกแล้วว่าควรทำตามเรื่องอะไรบ้าง และอะไรไม่ควรทำตาม เพราะค่านิยมที่ว่า มีมาก เด่นมาก ดังมาก จึงเป็นบุคคคลที่ควรยกไว้แถวหน้า ด้านหน้า หัวหน้า(ใคร่ครวญให้จงหนัก เน้อ!) คุณควรสำรวจตัวเองได้แล้วว่า อะไรควรทำให้ชิน อะไรควรเลิกกับความเคยชินนั้น แล้วลงมือขัดเกลา-เจียรไนเพชรในใจของเราทุกคนให้ส่งประกายสดใสดังดาวประกายพฤกกันตั้งแต่บัดนี้เถิด รักท่าน รักธรรมะ รักความสงบเย็น รักที่จะเป็นมิตรแท้ รักมนุษย์-สัตว์และรักโลกใบน้อยนี้ รักที่จะเป็นผู้รับใช้เบื้องบนพระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / อามี ทอ ฝอ ฮุก และสุดท้ายเราทุกคนควรรักตัวเองอย่างถูกต้องถูกควร พร้อมทั้งมอบความรักให้กับเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายและถนอมโลกใบนี้ไว้ให้ดีที่สุด ลองหันไปทบทวนดูว่าเรารักตัวเองจริงหรือเปล่า เช่น รักตัวเองแต่เล่นการพนัน รักตัวเองแต่ยังสูบบุหรี่เล่นยา กินเหล้า เที่ยวกลางคืน รักตัวเองแต่นิยมการสร้างศัตรูชอบว่ากล่าว ปองร้าย และมุ่งร้ายผู้อื่น รักตัวเองแต่ยังทำร้ายคนที่เรารัก สามี ภรรยา บุตรของตน และรักตัวเองแต่ยังแต่ละโมบโลภมากโกงกินแผ่นดิน ยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวและหรือประเทศชาติ ถ้ารักตัวเองจริง ต้องโอบอ้อมอารี ผูกมิตร เมตตา กรุณา ปราณี ปราถนาดีพร้อมเสียสละและให้การช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งคนและสัตว์ ซื่อสัตย์จงรักภัคดีต่อประเทศชาติ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และซื่อสัตย์กับคนที่ตนรักนี่เขาเรียกว่ารักแท้ รักนิรันดร รักบริสุทธิ์ รักแบบผู้ให้อย่างแท้จริง ไม่แม้แต่จะคิดกระทำการใดๆที่จะทำให้ตนเองหรือคนรักของตนและบุคคลอื่นใดก็ตามต้องตกระกำลำบาก ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางใจก็ตาม ศรัทธาการทำความดีศรัทธาที่จะละเว้นความชั่วทั้งปวง (ไม่ก่อกรรมทำเวรกับใคร หากกระทำเช่นนี้ แม้กรรมเก่ามีก็ได้รับการอโหสิเพราะเจ้ากรรมนายเวรอนุโมทนาบุญกับท่าน รับรองชีวิตของท่านจะเจริญรุ่งเรืองและร่มเย็นแบบทันตาเห็น)

โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: