วันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เรื่องที่ ๔ กรรมตามสนองคนมากชู้

เรื่องที่ ๔ กรรมตามสนองคนมากชู้

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่น่าจะนำมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับท่านที่ขาดปัญญาและศรัทธาผิด เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อหลายปีก่อน มีครอบครัวหนึ่งซึ่งเกิดปัญหาในครอบครัวหลายอย่างกับผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจนสุดทางที่จะเยียวยา ก่อนที่จะเล่ารายละเอียดคงต้องเกริ่นถึงความเป็นมาเป็นไปของชายคนนี้เสียก่อน สมมุติชื่อเจ้าของเรื่องว่านายคนอง ชายคนนื้เป็นบุคคลที่มีบุคคลิกค่อนข้างหนักไปในทางนักเลง และมีนิสัยเป็นนักเลงเจ้าชู้ ชอบในทางชู้สาว มักล่อหลอกให้ผู้หญิงตายใจ หลงใหลในตนเมื่อเบื่อก็ทิ้งไปไม่เคยเหลียวแล นายคนอง เป็นคนมีชื่อเสียงและค่อนข้างมีฐานะดีอีกทั้งเป็นคนมีเสน่ห์ทางวาจาเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้หญิงที่เสียท่าให้ก็เพราะเหตุว่า หลงใหลในชื่อเสียงและคำหวานๆจากนายคนองด้วยความสมัครใจ ไม่เคยรู้ว่านั้นคือยาพิษที่เคลือบด้วยน้ำตาล ในที่สุดเด็กสาวเหล่านั้นก็ถูกยาพิษจากคำลวงฆ่าตายทั้งเป็น เป็นจำนวนมากเท่านั้นยังไม่พอบางคนไม่ระวังเกิดท้องไส้ขึ้นมา นายคนองก็ให้ไปทำแท้งเอาเด็กออกเป็นกรรมซ้ำกรรมซ้อนอีกหลายคน (ศีลข้อ๑ ปาณาติปาตาเวรมนีฯ ห้ามฆ่าสัตว์) นี่บาปยิ่งกว่าเพราะฆ่าลูกในอกของตนเอง นิสิตหญิงหลายคนและครอบครัวของเด็กสาวเหล่านั้นที่ต้องตกเป็นเหยื่อยต้องมีมลทิลต้องเสียใจเพราะหลงในคำชาย การนายคนองมีภรรยหลายคน การที่คนเราไม่สำรวมระวังในศีล โดยเฉพาะ ข้อกาเมสุมิจฉาจาราฯ ซึ่งเป็นศีลข้อที่ ๓ ว่าด้วยเรื่อง การไม่ผิดลูก- เมีย - ผัว และคนในปกครองของคนอื่นเขาเมื่อเขาไม่อนุญาต ตามที่ได้เขียนบรรยายไว้ในหัวข้อ “อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ไหน” นั้น ความเดือดร้อนย่อมไม่เกิดแต่เฉพาะตัวผู้ประพฤติผิดเท่านั้น แต่มันเป็นกรรมมรดก กรรมเผ่าพันธ์ตกถึงบริวาลทั้งหมดของตน ทั้งคู่รักของตน บุตร-ธิดาโดยทั่วกัน นายคนองนี้ก็เช่นกัน เพราะการเป็นคนที่มักมากในกามไม่เคยสำรวมระวัง และทั้งไม่เคยสำนึกเกรงกลัวต่อบาปกรรมใดๆ เพราะคิดว่าผู้หญิงที่ตกเข้ามาเป็นเหยื่อของตนนั้นได้ทำการคัดสรรแล้วว่าเป็นเด็กที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงาน เป็นหญิงโสด ดังนั้นจึงไม่ผิดศีลในข้อ ๓ นี้ (ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดในศีลธรรมอย่างมากมาย เพราะความเบาปัญญา และดูถูกกฏกรรม) จนในที่สุดปัญหาใหญ่ในชีวิตก็เกิดขึ้น ภรรยาคนสุดท้อง (เมียน้อย) ที่นายคนองหลงใหลและรักมากที่สุดของเขาแอบไปมีชายอื่นเรียกว่า “เล่นชู้” นั่นเอง และก็ได้นำชายชู้นั้นมาขอหญิงที่นายคนองกำลังหลงใหลนี้ไปจากอกตน เท่านั้นยังไม่พอ ภรรยาหลวงของตนซึ่งอยู่ที่บ้านผู้เป็นแม่ของลูกๆตนก็คบชู้สู่ชายอีกด้วยในช่วงเวลาเดียวกันนั้น และได้หอบผ้าผ่อน เงินทองทั้งหมดไปจากเขาทั้งยังทิ้งหนี้สินไว้ให้เขาต้องตามแก้ไขจำนวนมหาศาล ทำเอานายคนองแทบเป็นบ้า หัวใจแทบล้มเหลวเพราะถูกภรรยานอกใจในเวลาเดียวกันทีเดียว ๒ คน บวกกับมีหนี้สิ้นท่วมตัว ทรัพย์สินที่ไว้ใจให้ภรรยาที่บ้านตนรักษาก็ถูกยักยอก ล้างผลาญจนสิ้นเนื้อประดาตัว นายคนองช็อคเข้าโรงพยาบาล เมื่อหายดี ก็คิดแก้แค้นภรรยาน้อยของตนโดยไปปรึกษาผู้คงแก่วิชาไสยศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยขณะนั้น ปัจจุบันอาจารย์ขมังเวทย์ผู้นี้กำลังรับกรรมที่ตนก่อไว้ อยู่ใน คุก ด้วยคดีข่มขืนผู้หญิง นั้นเอง โดยทำการปั้นหุ่นลงอาคมหมายเอาชีวิตของภรรยาน้อยนั้น ขณะเดียวกันในวันทำพิธีก็ได้พาน้องสาวแท้ๆ ของตนไปด้วย นายคนองและน้องสาวได้ร่วมกันทำพิธีโดยมีจอมขมังเวทย์ที่กล่าวถึงเป็นผู้ประกอบพิธีให้ ขณะนั้นผู้เป็นน้องสาวของนายคนองปวดศรีษะมากจึงให้ จอมขมังเวทย์ ลงอาคมสักยันต์ลงน้ำมัน ว่าเป็นการรักษาโรคเวร โรคกรรม ที่เป็นอยู่ให้หายไปบริเวณขมับ น้องของนายคนองสังเกตเห็นว่า ขณะที่ทำการสักน้ำมันอยู่นั้น จอมขมังเวทย์ผู้นี้จ้องมองตนด้วยสายตาเจ้าชู้ โลมเลียมชอบกล เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกผิดปกติ จึงเล่าให้นายคนองฟัง นายคนองใจคอไม่ดี จึงให้น้องของตน บวชชีแก้กรรมทันที แต่ที่น่าแปลก คือ ผมของน้องสาวนายคนองเมื่อปลงผมแล้วนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่นายคนองจะนำไปลอยน้ำนั้นได้แก้ผ้าห่อผมออกดู ก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะพบหนอนในเส้นผมหลายตัวยั๊วเยี๊ยน่าขยะแขยงเป็นอย่างยิ่ง.
ทุกตัวสัตว์ย่อมตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม ทำดีย่อมได้ดีจริง ทำชั่วย่อมได้รับชั่วเป็นรางวัลจริงเช่นกัน


เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ที่ไหน (ตอนที่ ๒)

อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ที่ไหน (ตอนที่ ๒)
ผู้ที่พบอาจารย์ใหญ่เป็นคนแรกนั้นก็คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านได้ลงทะเบียนเรียนวิชาชีวิตกับอาจารย์ใหญ่เป็นองค์แรกของโลก ในวันที่ท่านได้เสด็จออกประพาสต้น พระองค์ท่านได้พบกับ ๔ พระธรรมฑูต นั้นเอง เมื่อท่านพบพระธรรมฑูตทั้งสี่แล้ว ท่านจึงรู้ว่ายังมีอีกวิชาหนึ่งที่ต้องศึกษาให้ได้ และเป็นวิชาเอกของโลก นั่นคือ วิชาชีวิต เอกสาขา การก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ (ท่านที่ศึกษาพระพุทธศาสนาหรือผู้ที่นับถือศาสนาพุทธคงเข้าใจเรื่องนี้ดี) ตั้งแต่วันนั้นมาเจ้าชายสิทธัตถะก็รู้พระองค์แล้วว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ประเสริฐที่สุด สูงสุดที่สุด พระองค์ท่านยอมสละทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ยศศักดิ์ สมบัติพัสถาน ภรรยาและบุตรสุดที่รัก ความสุขความสบายทั้งปวง อย่าลืมว่าพระองค์ท่านมีฐาดันดรถึงหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมากมาย ขนาดคนทั่วไปมีทรัพย์อยู่แค่กระแบะมือยังตัดได้ยาก แต่สำหรับพระองค์ท่านแล้วท่านสละได้เด็ดขาดจริงๆ เพื่อแสวงหาความรู้นี้ให้แจ้งให้จงได้เพื่อตนเองและเพื่อโลก เพื่อมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เปรียบได้ว่าในขณะนั้นท่านเป็นดั่งเช่น พระโพธิสัตว์ปราถนาจะช่วยให้สัตว์ทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์ทั้งมวล เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสียสละราชบัลลังค์เพื่อก้าวสู่โพธิบัลลังค์เป็นการต่อไปพระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าวิธีการต่างๆ กับหลายอาจารย์ในสาขาวิชาต่างๆ ที่อ้างว่าสามารถทำให้ชีวิตพ้นจากกองทุกข์ได้ ในที่สุด เจ้าชายสิทธัตถะก็ได้พบพระอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวของพระองค์เอง และทรงประกาศพระศาสนา เกิดเป็นศาสนาพุทธ เจ้าชายสิทธัตถะจึงเป็น พระพุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นั่นคือ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธะเจ้า องค์พระศาสดาของโลก อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านพอทราบแล้วหรือยังว่า พระอาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ที่ไหน ใครหาเจอบ้าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านหาเจอเป็นพระองค์แรกของโลก ซึ่งอยู่ในพระวรกายของพระองค์เอง ใครอยากพบพระอาจารย์ใหญ่สอนธรรมะในสาขา “วิชาการก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์” บ้าง
๑. ระเบียบการสมัครเรียน วิชาก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ มีดังนี้
สิ่งที่ต้องนำมา

- ใจ ใจที่สะอาด บริสุทธิ์ ใจที่อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
- กาย กายที่สะอาดบริสุทธิ์พร้อมจะสละความเคยชินที่มากด้วยกิเลส ตัณหา อุปปาทาน กายที่พร้อมจะสู้อย่างไม่ย่อท้อ อดทนและอดกลั้น
- ศรัทธา ต้องเป็นศรัทธาจริงไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน พร้อมที่จะก้าวเดินไปให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์เพื่อก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์
- รักที่จะทำความดี ความรักที่มีต่อพระพุทธศาสนาและรักตนเอง อยากเห็นตนเองและผู้อื่นพ้นจากห้วงแห่งกองทุกข์ อย่างสงบเย็น
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน ยอมเป็นผู้ว่าง่ายไม่แข็งกระด้าง ไม่ทำตัวเป็นน้ำที่เต็มแก้วอีกต่อไป และพร้อมที่จะเคารพในพระธรรม ปฏิบัติตามพระธรรม เห็นพระธรรมเป็นสิ่งที่สูงที่สุด ดังที่พระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา” เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ใกล้จะเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน
๕ สิ่งที่ต้องมีขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้เลย “รวมทั้งหมดให้ได้เป็นหนึ่งเดียว จะเกิดเป็นสติและนำไปสู่ จิต เป็นที่หมายสูงสุด”
เท่านี้แหละที่ทุกคนต้องมี ไม่ต้องนำอะไรมาเพิ่มเติม ไม่ต้องใช้เงินทองหรือข้าวของใดๆ มาลงทะเบียนทั้งสิ้น จากนี้ก็เริ่มเรียนได้
๒. นับจากนี้ขอให้ท่านปฏิบัติตามคือ กราบพระ ๓ ครั้ง
ก่อนที่จะกราบพระขอให้ท่านทำใจให้สงบก่อนและระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย พิจาระณาถึงสิ่งที่ท่านมีว่าครบ ๕ สิ่งข้างต้นหรือไม่ทุกครั้ง ถ้าไม่ครบให้ตั้งจิตใหม่ พร้อมแล้วกราบ
กราบครั้งที่หนึ่ง กล่าวว่า พุทโธ เมนา โถ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
กราบครั้งที่สอง กล่าวว่า ธัมโม เมนา โถ พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
กราบครั้งที่สาม กล่าวว่า สังโฆ เมนา โถ พระสงฆเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า

การปฏิบัติธรรมเริ่มต้นที่ใจก่อน ใจเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด แล้วตามด้วยกายเป็นกำลังที่สอง เพิ่มด้วยกำลังวิเศษ คือความศรัทธา สามกำลังใหญ่รวมเป็นพลังธรรม ก่อให้เกิดการปฏิบัติธรรมต่อไป เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วขอให้พิจาระณาว่าขณะนี้เราต้องการอะไรจากการปฏิบัติธรรม
ส่วนมากการเริ่มต้นการปฏิบัติธรรมของแต่คนไม่เหมือนกัน จะเป็นเพราะเกิดปัญหาชีวิตต่างๆที่เข้ามารุมเร้าจนหมดกำลังใจ หรือเพราะเกิดความต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ รู้แจ้งแทงตลอดธรรมก็ตาม นั่นหมายถึงคุณเดินถูกทางแล้วด้วยทุกเหตุผล เพราะหนทางธรรมนี้เป็นเส้นทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตของเราปลอดภัย ร่มเย็น สงบ สว่าง และสะอาด มีแต่กำไรเพียงฝ่ายเดียวมีแต่บวกไม่มีลบ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นเริ่มต้นจากการที่คุณปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลในธรรมกันเลย
๓. รักษาศีล ๕ ปฏิบัติธรรม ๕
ศีล ๕ ข้อเป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรมตั้งแต่ก้าวแรกจนเข้าสู่หนทางสูงสุดคือนิพพาน หากไม่มีศีล ๕ อย่างอื่นคงไม่ต้องถามถึง เมื่อมีศีล ๕ แล้วธรรม ๕ ก็จะตามมาโดยอัตโนมัติ จะขอบรรยายเรื่องศีล ๕ เป็นภาษาพูดโดยไม่ขอใช้ภาษาบาลีสันษกฤต เพื่อเป็นที่เข้าใจต่อทุกคนทุกผู้นาม ศีล ๕ มีดังนี้
๑. ละเว้น งด (อย่างเด็ดขาด) การฆ่าสัตว์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำการทรมาน ประทุษร้ายสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์ด้วยกัน
๒. ละเว้น งด (อย่างเด็ดขาด) การลักโขมย หยิบฉวย การเห็นแก่เล็กแก่น้อย รวมทั้งการคดโกงต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งของที่มีชิวิตและไม่มีชีวิต ของมีค่าหรือไม่มีค่าก็ตามหากเจ้าของไม่ให้ไม่อนุญาต ล้วนผิดศีลข้อ ๒ นี้ทั้งสิ้น
๓. การไม่ประพฤติผิดในกาม ล่วงละเมิดในสามี ภรรยา บุตร ลูกหลานเหลน คนในเรือนชาน ข้าทาสบริวารซึ่งบุคคลเหล่านี้มีผู้ปกครองอยู่ แล้วท่านไปทำการไม่ดีไม่ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองล้วนผิดศีลข้อนี้ทั้งสิ้น เพราะถือว่าบุคคลเหล่านี้มีผู้ปกครอง มีเจ้าของอยู่
๔. การไม่พูดจาโป้ปดโกหกหลอกลวง พูดส่อเสียด พูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ พูดไร้สาระ พูดให้ร้ายผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง ล้วนผิดทั้งสิ้น
๕. ไม่เสพ-ดื่ม ของมึนเมาเหล้ายาทั้งหลาย ไม่เสพยาเสพติดทุกชนิด ของมอมเมาทุกประเภท ทุกสื่อ ที่ทำให้ลุ่มหลงไปในทางที่ผิด

เมื่อปฏิบัติตามนี้เราลองมาพิจารณาดูจะพบว่าหากปฏิบัติได้อะไรจะเกิดขึ้น แน่นอนสิ่งแรกคือ ตนเองเกิดความสุข สุขภาพแข็งแรง ไม่มีศัตรูผูกอาฆาต อุบัติเหตุเภทภัยไม่เกิด เป็นคนไม่ประมาท และมีมิตรสหายที่ดี อยู่ในสถานที่ดี เป็นบุคคลที่คิดดี พูดดี และทำดี สิ่งอันเป็นมงคลต่างๆจะเข้ามาทำให้สังคมสงบสุขเป็นประโยชน์ต่อชาติศาสนาและสังคม ธรรมชาติจะไม่ถูกทำลายเพราะทุกคนอยู่อย่างมีความเมตตา กรุณาต่อกัน ไม่ติดความละโมบโลภมาก อย่างสังคมที่ฟอนเฟะในปัจจุบันเมื่อมีศีลรักษาเราแล้วต่อไปการปฏิบัติก็ง่ายขึ้นเพราะเราเป็นคนที่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ละลายใจอยู่เสมอในการที่จะต้องไปทำความชั่วทั้งปวง จิตใจเยือกเย็นไม่รุ่มร้อน และตั้งมั่นต่อการทำความดี เข้าสู่หนทางธรรมที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ให้มนุษย์ทุกคนมี หิระ โอตัปปะ คือความละอายเกรงกลัวต่อบาป หมั่นสร้างสมความดีให้ยิ่งๆขึ้น ท่านหลวงพ่อพุทธทาส กล่าวไว้ว่า “ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ” คิดว่าหลายท่านคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง คำๆนี้เป็นสัจจริง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้เนื่องจาก คนขาดความละอาย ขาดศีลธรรม โลกจึงก้าวเดินเข้าสู่เหวลึกเข้าไปทุกวินาที อุบัติเหตุเภทภัยทางธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความโศกเศร้าทุกข์ระทมไปทั่วหัวระแหงทั่วโลกก็เพราะ “สมุทัย” คือ เหตุหรือสาเหตุให้เกิดทุกข์ ตัวสมุทัยที่ว่าฝังตัวอยู่ในใจของเรามันคือ ตัวกิเลส ตัณหา อุปปาทาน ในยุคนี้หาคนที่จะละอายต่อบาปนั้นมีน้อยเต็มที แต่ยังมีอีกหลายคนที่พยายามช่วยกันจรรโรงโลกให้สดใสปลอดภัย กับทั้งยังมีอีกหลายฝ่ายที่พยายามเผยแพร่ธรรมะ ทั้งที่เป็นฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ตามหน้าที่และบทบาทของตนเองเท่าที่จะช่วยได้ หากทุกคนมุ่งมั่นและมุ่งหมายไปในทางที่ดีเพียงคนละเล็กละน้อยหลายๆคนทั่วโลก คิดว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีอยู่ทุกวันนี้หน้าจะหมดไปหรือลดน้อยลงได้เร็วขึ้นมากขึ้น ก่อนที่จะร่วมกันลำบากร่วมเวรร่วมกรรมกันอย่างเช่นยุคปัจจุบันนี้ เพราะความเห็นแก่ตัวของคนส่วนน้อยนั่นเอง
จากนี้เรามาเริ่มปฏิบัติธรรมกันดูก่อนค่ะ
สิ่งแรก คือ มองลงมาที่ใจของตนเองว่า ณ ขณะนี้จิตใจของเรา เยือกเย็น หรือ รุ่มร้อน หากใจเย็นมันเย็นเพราะอะไร จิตใจรุ่มร้อนมันร้อนด้วยเรื่องอะไร ต้องไม่หรอกตัวเอง ความจริงเท่านั่นที่จะทำให้คุณก้าวล่วงพ้นได้ เมื่อคุณพบความจริงในจิตใจแล้ว ก็ต้องมองลึกลงไปเป็น ขั้นที่สอง ว่าการที่เรามีสุขหรือมีทุกข์อยู่ในขณะนี้นั้นเกิดขึ้นจากอะไร เป็นเพราะความต้องการสิ่งต่างๆ เพื่อมาตอบสนอง กิเลส ตัณหาของตนเองใช่หรือไม่ สิ่งนั้นอาจจะเป็น ข้าวปลาอาหาร แก้วแหวนเงินทอง เคหะบ้านช่อง ชื่อเสียงเกียรติยศ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกประดามีนั้น ซึ่งในแต่ละตัวตนมีความต้องการที่ไม่เท่ากันแล้วแต่ฐานะของแต่ละคน ความทะยานอยากที่มีอยู่ในแต่ละคนเป็นสาเหตุสำคัญของความเดือดร้อนวุ่นวายที่มีอยู่ทุกวันนี้ สานต่อเข้ากับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกันเข้าไปอีกสายหนึ่ง รวมรวบเข้ากับความไม่รู้จักพอเลยกลายเป็นแม่น้ำแห่งกิเลสสายใหญ่ในใจคน ทั้งหมดเป็นเรื่องของกาม(ไม่ได้หมายถึงกามที่บ่งว่าเป็นประเวณี) กามคือความอยาก อยากทุกประเภทนั่นคือกามคุณ แม่น้ำสายกามคุณนี้ ทำให้คนและสัตว์วนเวียนว่ายในวัฏฏะไม่รู้จบ พากันหูหนวก ตาบอด บ้าใบ้ คลั่งไคล้ในเพลิงอารมย์ หลงทาง หาแสงสว่างไม่เจอเหมือนตกอยู่ในอเวจี บางท่านเถียงว่าไม่จริง ฉันมีพร้อมทุกอย่างที่บุคคลหนึ่งจะมีได้ หรือมากกว่าใครๆหลายคนบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำไป บุญทานฉันก็ทำจนนับไม่ได้แล้วว่าอะไรบ้าง ฉันไม่เห็นมีทุกข์เลย นั้นก็นับว่าเป็นอานิสงส์ของท่าน แต่ลองมองลงไปให้ลึกอีกสักหน่อยจะพบว่า เรายังมีความกลัวแฝงอยู่ภายในใจ ทำให้จิตใจหวั่นกลัวตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความกลัวตาย กลัวแก่ กลัวเจ็บ กลัวความพลัดพราก กลัวไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ กลัวการสูญเสีย กลัวความลำบาก กลัวป่วยไข้ และกลัวเภทภัยทางธรรมชาติ ความกลัวสารพัดชนิดมีอยู่ในจิตใจของคนทุกคน แต่หากท่านได้ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องและถูกทาง ความกลัวเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะทำอันตรายใดๆ กับท่านได้เลย เพราะท่านรู้แล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมสูญสลายไปในที่สุด หากไม่ต้องการให้สูญ ก็ต้องไม่ทำให้เกิด นั่นคือหัวใจสำคัญในการกำจัดความกลัวโดยสิ้นเชิง เป็นนิรันดร์ เมื่อไม่มีการเกิดก็ไม่มีการตาย ของทุกอย่างในโลกนี้อยู่ภายใต้ กฏบัญญัติแห่ง โลกธรรม ๘ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วที่สุดล้วนดับไป เมื่อไรที่เป็นสุญญตาเมื่อนั้น ไม่ต้องกลัวต่อสิ่งใดๆในโลกทั้งหมด พระพุทธเจ้าท่านได้ศึกษาอย่างจริงจังและค้นพบเรื่องนี้ และทรงโปรดให้ความกรุณานำมาตรัสสอนเผยแผ่ไปให้ไพศาล ก้อมีแต่เฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นเรื่องของ “สุญญตา” เรื่องอื่นล้วนไม่ใช่สาระ ใบไม้ในกำมือของท่านมีเท่านี้เอง มีเท่านี้จริงๆ หากท่านใดเข้าใจและปฏิบัติตามได้ นิพพานก็ไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่เกือบทุกคนไม่เข้า หรือเข้าใจบ้างเป็นบางครั้งเพราะยังเป็นปุถุชนอยู่จึงทำได้ยาก ดังนั้นมันก็ไม่ได้หมายถึงทำไม่ได้เลย เพียงแต่มันทำยาก ก็ต้องเร่งทำ เร่งขัดเกลา เร่งปฏิบัติตรวจดูใจเราว่า สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งใดตั้งอยู่ สิ่งใดดับไป ไว้ติดตามการปฏิบัติธรรมขั้นที่ 3 ในตอนหน้าค่ะ

ทุกชีวิตรักที่จะพบความสงบเย็น เหตุไฉนจึงวิ่งเข้าหาไฟนรกกันทุกลมหายใจ
เสียงคร่ำครวญจากการถูกแผดเผา ฟังคล้ายเสียงหัวเราะชอบใจของคนในปัจจุบันจนแยกไม่ออก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ที่ไหน (ตอนที่ ๑)

อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ที่ไหน (ตอนที่ ๑)

นิพพานอยู่ไหน ใครๆ ก็ถามหานิพพาน บางท่านบอกไม่หรอกเราแค่อยากได้ความสงบเท่านั้น ความสงบเย็นของชีวิตมีบ้างไม๊ ชีวิตแบบที่ยังมีลมหายใจอยู่น่ะไม่ต้องตายก่อนแล้วค่อยสงบ!บ้างก็ว่าขอให้เรามีเงินทองมากที่สุดนั่นแหละชีวิตของเราก็จะสงบได้เพราะมีทุกอย่างที่เราต้องการเรียกว่า“ทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงิน”เปรียบเงินเป็นดั่งแก้วสารพัดนึกกันเลยทีเดียวเชียว และบ้างก็ยังเคยได้ยินว่า“อำนาจของเงินสามารถเปิดประตูสวรรค์และปิดประตูนรกได้” ดังนั้นค่านิยมในยุคนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ทำประโยชน์เพื่อหวังผลทั้งสิ้นและบูชาเงินเป็นพระเจ้า แต่ถ้าคิดให้ดีมันก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน เพราะทุกอย่างในโลกนี้ต้องซื้อขายด้วยเงินไม่มีอะไรได้มาฟรีๆไม่มีจริงๆ คุณธรรมเกือบเป็นเรื่องสุดท้ายที่คนคิดถึง ไม่มีแล้วที่ว่าใครจะมอบความรัก เมตตา กรุณา ปราณีอย่างบริสุทธิ์ใจให้กับใครได้ มีคนกล่าววา “เลี้ยงหมาดีกว่าเลี้ยงคนเพราะหมามันซื่อสัตย์ ไม่กัดเจ้าของ” หมามันมีคุณธรรมมากกว่าคนและมีความจงรักภักดีอีกด้วย เรียกว่า หมายังรู้จักบุญคุณคนนั่นเอง ฟังแล้วรู้สึกให้อายหมาชอบกลอยู่เหมือนกัน สมัยก่อนโบราณกล่าวว่า“รกคนดีกว่ารกหญ้า” แต่ปัจจุบันสุภาสิตนี้คงนำมาใช้ไม่ได้เพราะ คนมันใจคอดุร้ายฆ่าแกงกันได้ง่ายๆหาความซื่อสัตย์ความจริงใจยากเหลือทน เหมือนที่เห็นกันในข่าว โทรทัศน์วิทยุและหนังสือพิมพ์กันทุกวัน ไม่ว่าคนนั้นจะหน้าเหมือน พ่อ-แม่หรือลูกในไส้ของตัวเองหรือไม่ก็ตามมันฆ่าได้หมด! คงจะถึงยุคคนดีหนีเข้าป่า ผีห่าเดินเข้าเมืองกันแล้วกระมัง
เราหันมาคุยกันใหม่ดีกว่า ว่าเราจะนำเอาธรรมะมาเป็นเครื่องล้างความสกปรกทางใจได้อย่างไร พอกล่าวเช่นนี้ก็ขอบอกก่อนว่า “อย่าเพิ่งคิดจะไปล้างใจคนอื่นเลย มาล้างใจตัวเองนี่แหละให้ดีก่อน” เริ่มต้นเดี๋ยวนี้เลยก็แล้วกัน
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
อาจารย์ใหญ่อยู่ที่ไหน เกริ่นไว้เป็นหัวข้อให้ช่วยกันคิด อาจารย์ใหญ่คือใคร หน้าตาเป็นอย่างไร สูงต่ำ ดำขาว ใจดีใจร้าย อายุสักเท่าไร เป็นหญิงหรือชาย และเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายไหน แล้วท่านสอนวิชาอะไรนั่นสิเกริ่นไว้ลอยๆน่าสงสัยจริงความจริงจุดประสงค์ของผู้เขียนเพียงมุ่งหวังให้ท่านมาลงทะเบียนเรียนที่สถาบันของอาจารย์ใหญ่แห่งชีวิต วิชาการดำเนินชีวิตเป็นวิชาเอกที่ต้องเรียนรู้เป็นอย่างยิ่งมากกว่าวิชาใดๆในโลกนี้ทั้งหมด เป็นวิชาหลักของโลกและจักรวาล เหมือนดังแกนโลกเลยทีเดียว ทุกคนที่เกิดมาต่างใฝ่หาวิชาความรู้ใส่ตัวกันมากมาย เพื่อที่จะได้นำมาทำประโยชน์แก่ตนและสังคม (บางคนก็คิดประโยชน์เพียงเพื่อตนเองเท่านั้น) ได้รับประกาศนียบัตรบ้าง ปริญญาบัตรบ้าง ทั้ง ตรี โท และปริญญาเอก แต่หลายครั้งที่เราเห็นคนที่มากด้วยความสามารถ พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ข้าทาสบริวาล กินใช้เท่าไรก็ไม่หมดและเป็นบุคคลมีหน้าตาในสังคม มีโอกาสที่จะทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นในโลกนี้อีกมากมาย กลับกลายเป็นคนโดดเดี่ยว อ้างว้าง และบ้างก็ถึงขนาดทำร้ายตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายไปก็มี ที่ร้ายกว่านั้นทำร้ายคนที่ตนรัก เช่น สามี ภรรยา บุตร หรือบิดามารดา และญาติพี่น้องที่ร่วมอุทรกันมานั่นก็หลายรายทีเดียว ทำไมบุคคลเหล่านี้จึงคิดและกระทำการอันโหดร้ายเช่นนั้น แต่ก็อีกหลายคนที่ยากจนข้นแค้นถูกสถานะการณ์รอบข้างบังคับให้ต้องทำลงไปเพราะอะไรลองคิดดูความหยาบกระด้างในกมลสันดานมีมากขึ้นและถ่ายทอดไปสู่เยาวชนรุ่นหลังอย่างไม่รู้ตัว พอถึงวันหนึ่งก็มานั่งโอดครวญว่าทำไม บุตรลูกหลานจึงทอดทิ้ง นั่นเป็นเพราะบาปกรรมตามสนองใช่หรือไม่ หรือเป็นเพราะการบ่มเพาะอุปนิสัยอันหยาบกระด้าง ให้กับเขาผู้เป็ลูกหลานของตนด้วยตัวเราเองในกาลปัจจุบันโปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วน
ในพระพุทธศาสนา เน้นหนักเรื่องของกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดีจริง ทำชั่วได้ช่วยจริง ไม่มีการล้างบาปกันได้ กรรมทุกประเภทต้องได้รับการชดใช้ตามเหตุ แต่สามารถให้เป็นอโหสิกรรมได้ และสามารถที่จะให้กรรมทุเลาเบาบางได้ หากผู้ก่อกรรมนั้นสำนึกผิดและไม่ทำกรรมดำนั้นอีก และรวมถึงการสร้างกรรมขาวขึ้นใหม่ให้มากพอ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวในโลกที่กล่าวเช่นนี้ และยืนยันเช่นนี้มาตลอด ๒,๕๐๐ กว่าปีแห่งพุทธกาล สิ่งสำคัญ พระพุทธเจ้าท่านยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แม้แต่พระองค์เองซึ่งก่อนที่จะสำเร็จเป็นองค์พระบรมศาสดาของโลก พระองค์ยังต้องอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมเช่นกัน รวมทั้งประวัติของพระพุทธสาวกหลายๆองค์ตามที่เราเคยได้ศึกษาประวัติของท่านทั้งหลายเหล่านั้น หลังจากที่องค์สมเด็จพระสมณโคดมได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงอยู่เหนือกฏกรรมทั้งปวงโดยสิ้นเชิง และเสด็จเข้าสู่พระนิพพานหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
อาจารย์ใหญ่สอนธรรมะอยู่ไหน ลองมาคิดกันดูว่าเมื่อประมาณ ๒,๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา มีศาสนาโบราณเกิดขึ้นหลายลัทธิหลายความเชื่อและหลายเผ่าพันธุ์ แต่ละสัทธิได้บัญญัติพระธรรมคำสอนของศาสนาของตนไว้มากมาย เช่น เรื่องการดลบันดาลด้วยฤทธิ์เดชของเทพเจ้า เทวดาต่างๆ หลายองค์ทั้งของฮินดู และของฝรั่ง จีน อียิปต์ ฯลฯ พวกสาวกผู้นับถือสัทธิเทวะต้องทำให้เทพเจ้าพอใจหากว่าทำให้ท่านไม่พอใจก็จะถูกลงโทษ ถูกกลั่นแกล้งจนกว่าจะเชื่อในอิทธิปาฏิหารย์และบารมีของท่าน ส่วนการที่เราจะติดต่อกับเทพเจ้าได้ก็ต้องมีคนกลาง คือ ท่านพราห์ม พ่อมด แม่มดเท่านั้น หรือบางครั้งก็เป็นพวกร่างทรงบุคคลที่มีความพิเศษในเรื่องการสัมผัสทางจิตวิญญาณ (ควรใช้วิจารณะญาน)คนธรรมดาสามัญต่ำต้อยเกินไม่มีสิทธิไปติดต่อกับเทพเจ้าได้ เขาว่าอย่างนั้น และยังต้องมีเครื่องเซ่นบูชาสิ่งสังเวยต่างๆ ทั้งที่เป็นของกินของใช้และหรือเงินทอง ตลอดถึงบางครั้งต้องมีการบูชายัญกันด้วยชีวิต บ้างก็เป็นชีวิตสัตว์ บ้างก็เป็นชีวิตคน ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือสังเวยกันด้วยเด็กสาวพรมจรรย์(ก็ไม่รู้ว่าบูชาเทพหรือบูชาตัวผู้มีสิทธิพิเศษผู้นั้นกันแน่ เพื่อให้เป็นที่พอใจขององค์เทพลองไปค้นคว้าเรื่องราวต่างๆนี้ดูแล้วจะทราบบาปกรรมจริงๆ) ความเชื่อเหล่านี้ยากแก่การพิสูจน์ เป็นเรื่องที่กระทำติดต่อกันมานานแสนนานหลายๆพันปี ถึงปัจจุบันก็ยังมีอยู่ทั้งในทวีปเอเซียและประเทศที่อ้างว่าตนเจริญแล้วอย่างประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงแถบยุโรปก็ยังมี ส่วนประเทศที่ยังไม่เจริญ (เขาเรียกกันอย่างนั้นได้ยินแค่นี้ก็รู้แล้วว่าการแบ่งชนชั้นวรรณะยังอยู่คู่โลกตลอดมาและก็คงจะอยู่ตลอดไป) ความเชื่อในเรื่องผีสาง เทวดา พ่อมด แม่มด และลูกมดก็ยังมีอยู่ไม่ได้หายไปไหนเป็นมรดกสืบทอดรุ่นสู่รุ่นทั้งที่พูดว่าไม่มีแล้วทุกคนเกิดมาเสมอภาคกัน การค้าทาสก็ยังมีอยู่เพียงแต่ไม่ได้กระทำอย่างเปิดเผยเหมือนสมัยก่อน พูดถึงตอนนี้ ก็หันมาหาอาจาย์ใหญ่สอนธรรมะกันต่อดีกว่า ...

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

พระนามของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ในฝ่ายมหายาน

พระนามของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ในฝ่าย มหายาน
ฝ่ายมหายานเชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มีจำนวนมากเท่ากับเม็ดทรายในมหาสมุทรแม้ว่าในกัปป์นี้จะมีพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง 4 พระองค์ คือพระกกุสันโธพระโกนาคมโนพระกัสสโปพระสมณโคดมและในอนาคตจะมีพระพุทธเจ้ามาประสูติ อีก 1 พระองค์ คือพระศรีอารยเมตไตรยคนไทยส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมณโคดม เพียงองค์เดียว ด้วยเห็นว่าเป็นพระพุทธเจ้าในกาลปัจจุบันฝ่ายมหายานเรียก สมณโคดมว่า พระศากยมุนีพุทธเจ้าและถือคติว่า จุดกำเนิดของพระพุทธเจ้านั้น เริ่มจากการมีพระอาทิพุทธ อันหมายถึง พระพุทธเจ้าองค์ปฐม ส่วน พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตลอดจนคงสรรพสัตว์ทั้งปวง ล้วนถือกำเนิด จากพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทั้งสิ้นเกิดขึ้นเองไม่มีเขตต้นและปลาย ประจำอยู่ในโลกนิรันดรพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์พระองค์อื่น ๆ ทั้งฝ่ายฌานิพุทธ(ธนานิพุทธ)และมานุษีพุทธ ล้วนเกิดแต่อำนาจญาณของพระอาทิพุทธทั้งสิ้น
ตัวอย่างพระนามของพระพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ในฝ่ายมหายาน
พระพุทธเจ้า
พระโลเกศวรราชพุทธเจ้า
พระจันทรสูรยประทีปพุทธเจ้า
พระปัทมวฤษภวิกรามินพุทธเจ้า
พระมหาภชญาชญานาภิภูพุทธเจ้า
พระสิงหธวัช(สิงหโฆษ)พุทธเจ้า
พระนิตยปรินิรวฤตพุทธเจ้า
พระพรหมธวัชพุทธเจ้า
พระสรรพโลกธาตุปัทรโวทเวคปรัตยุตติรณะ
พระเมฆัสวราชพุทธเจ้า
พระศากยมุนีพุทธเจ้า
พระสาครวรธรพุทธิวิกรีฑิตาภิชญะพุทธเจ้า
พระสรรพสัตว์ปรียทรรศนะพุทธเจ้า
พระจันทรวิมลสูรยประภาสศรีพุทธเจ้า
พระกมลทัลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะพุทธเจ้า
พระชลธรครชิตโฆษ สุสวรนักษัตรราช สังกุสุมิตาภิชญะพุทธเจ้า
พระสหัสประภาราชศานติสถิตพุทธเจ้า
พระปัทมประภาพุทธเจ้า
พระรัศมีประภาสพุทธเจ้า
พระอักโษภยะพุทธเจ้า
พระอากาศปรติษฐิตพุทธเจ้า
พระอินทรธวัชพุทธเจ้า
พระอมิตายุสพุทธเจ้า
พระตมาลปัตรจันทนคันธาภิชญะพุทธเจ้า
พระสรรพโลกภยาชิตักขัมภิตัตววิธสังสนกรพุทธเจ้า
พระธรรมประภาสพุทธเจ้า
พระสัปตรัตนปัทมวิกรานตคามินพุทธเจ้า
พระรัศมีศตสหัสรปริปูรณัทวาชพุทธเจ้า
สังกุสุมิตาภิชญะพุทธเจ้า
พระโพธิสัตว์
พระอชิตะมหาโพธิสัตว์ ,พระอนันตจิตโพธิสัตว์ (บ่อจิ่งอี่ผ่อสัก), เจ้าชายฮั้งไฮ้ยี้โพธิสัตว์, พระมหาสถามะปราปต์โพธิสัตว์, พระจินดามณีจักรอวโลกิเตศวร,
พระวัชราธรโพธิสัตว์, พระมหาพรหมเทพราชโพธิสัตว์, พระปัณฑราวาสินีโพธิสัตว์, พระอุครโพธิสัตว์, พระคำรามโพธิสัตว์, พระอภิจารกมารวชิรโพธิสัตว์.
พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์, พระสุวรรณาภาธวัชโพธิสัตว์, พระรัตนมุทธราชโพธิสัตว์, พระสมบูรณ์โพธิสัตว์, พระวชิรธรรมจักรโพธิสัตว์, พระตาลีบุตรโพธิสัตว์,
พระอากาศภรรภ์โพธิสัตว์, พระมัญชุศรีโพธิสัตว์, พระศรีครรภโพธิสัตว์, พระไภสัชยาราชโพธิสัตว์, พระปรัชญากูฏโพธิสัตว์, พระวิศิษฏจาริตระโพธิสัตว์พระวิศุทธจาริตระโพธิสัตว์, พระนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะโพธิสัตว์, พระอักษยมติโพธิสัตว์, พระไวโรจนรัศมีประมัณทิตราชโพธิสัตว์, พระคุณากาลโพธิสัตว์
พระกรุณาจิตโพธิสัตว์, พระอารยะอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์, พระธรณีโพธิสัตว์ (ถี่ผี้ผ่อสัก), พระสุคนธาเมฆฉัตรมหาโพธิสัตว์สหัสภุชสหัสเนตร อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์, พระอมงบาศโพธิสัตว์, พระอมฤตโพธิสัตว์คนธาลัยโพธิสัตว์, พระอากาศกายโพธิสัตว์พญาราชสีห์โพธิสัตว์, พระหักหาญโพธิสัตว์, พระอมฤตกรเนตรโพธิสัตว์, พระรัตนธวัชโพธิสัตว์, พระคีรีสาครปัญญาโพธิสัตว์, พระเภสัชราชโพธิสัตว์, พระอุตรเภสัชโพธิสัตว์, พระสัทคนธ์เทพโพธิสัตว์, พระสมาธิฌาน โพธิสัตว์, พระสมันตภัทรโพธิสัตว์, พระวรประภาโพธิสัตว์, พระธฤติปริปูรณะโพธิสัตว์, พระมหาประติภานโพธิสัตว์,พระสาครนาคราชโพธิสัตว์, พระอนันจาริตระโพธิสัตว์, พระสุปรติษฐิตจาริตระโพธิสัตว์, พระคัทคัทสวรโพธิสัตว์, พระสมันตรภัทรโพธิสัตว์, พระโชติกาลโพธิสัตว์,พระสุธรรมโพธิสัตว์

แหล่งข้อมูล : 108 เทพแห่งสรวงสวรรค์ ฉบับ กวนอิมโพธิสัตว์

ธรรมะ-คำกลอน

ธรรมะคำกลอน

- จงมีศีล มีธรรม ความสัตย์ซื่อ พึงยึดถือ เป็นหลัก ฝากลูกหลาน
คือคุณธรรม กำเนิด เทิดดวงมาน เพื่อพื้นฐาน สุภาพชน เรียกคนดี.

- จงหลีกเลี่ยง เบี่ยงหลบ พบปัญหา ขึ้นศาลพา เสียทรัพย์ ยับปี้ป่น
เสียเวลา เสียเงินทอง หมองกมล เป็นความทน กินขี้หมา ดีกว่าเอย.

- อย่าประพฤติ โฉดเขลา เมาอำนาจ ทำชั่วชาติ ชอบใหญ่ ไม่เลือกถิ่น
ไม่มีเพื่อน ไร้คนรัก หนักแผ่นดิน ไร้ทรัพย์สิน สิ้นลาย ตายทั้งเป็น.

- อย่าคิดใหญ่ ใฝ่สูง จนเกินศักดิ์ มันจะมัก ให้ร้าย ในภายหลัง
เกินปัญญา หากิน จะภินท์พัง เหมือนนกสร้าง รังรอ แต่พอตัว.

- มีเพื่อนบ้าน เรือนเคียง เรียงรายรอบ ไมตรีมอบ เคียงข้าง ต่างน้ำใส
เหมือนบ่อน้ำ รอบตัว ไม่กลัวภัย เมื่อใครใคร ต่างก็รัก น้ำใจเรา.

- จะกินเหล้า เมายา ประสานมิตร อย่าให้คิด ซมซาน คลานสี่ขา
ขาดสติ ฟุ้งเฟ้อ เผลอกายา โรคภัยมา เพื่อนก็หนี อัปรีย์คน.

แหล่งข้อมูล : แต่งโดยผู้ปฏิบัติธรรมสายอนุตตรธรรม

วันศุกร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

การแผ่เมตตา

การแผ่เมตตา
การแผ่เมตตา เป็นการมอบความรัก ความปราถนาดี ความเอื้ออาทร ความอนุเคราะห์ การให้อย่างบริสุทธิ์ใจ แก่ผู้ที่เราปราถนาจะให้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์หรือจิตวิญญานใดๆก็ตามทั้งที่มีความผูกพันธุ์กันมาตั้งแต่อดีตชาติ หรือในปัจจุบันชาติอันบุคคลเหล่านั้นเคยเป็นญาติมิตร เพื่อนสนิท ผู้มีบุญคุณ ผู้เคยร่วมบุญหรือผู้เคยผูกเวรก็ตาม รวมทั้งผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งหลายในโลกนี้ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่อาศัยอยู่ในโลกนอกโลกทั่วทั้งแสนหมื่นโกฏิจักรวาลทุกภพทุกภูมิ
การแผ่เมตตาให้ตนเอง เป็นการให้ความเมตตาต่อธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในร่างกายของเราและจิตวิญญาณของตนเองให้หายร้อนรุ่มหายโรคภัยไข้เจ็บ ขจัดอุปสรรค กรรมเวร ของตนเองเพื่อจะได้พบกับความสงบสุขร่มเย็น มีความสำเร็จสมหวังในสิ่งต่างๆ ที่ตนตั้งใจไว้

บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.

บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิดฯ.

กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้แล้วโปรดอโหสิกรรมและอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจแห่งบุญนี้ด้วยเทอญ.

บทสวดมนต์พระคาถาพระมหากรุณาธารณีสูตร / ไต่ปุยจิ่ว

บทสวดมนต์พระคาถาพระมหากรุณาธารณีสูตร / ไต่ปุยจิ่ว
โชย ชิ่ว โชย งั่ง บ่อ ไหง ไต่ ปุย ซิม ทอ ลอ นี จิ่ว (๓ จบ )
ปึง ซือ ออ นี ทอ ยู ไล้ (๓ จบ)
• นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย • นำ มอ ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิต ตี ซอ ปอ ลา เย • ผู่ ที สัต ตอ พอ เย • หม่อ ฮอ สัต ตอ พอ เย • หม่อ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย • งัน • สัต พัน ลา ฮัว อี • ซู ตัน นอ ตัน เซ • นำ มอ สิด กิต ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิต ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ • นำ มอ นอ ลา กิน ซี • ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม • สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง • ออ ซี เย็น • สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ เค • มอ ฮัว เตอ เตา • ตัน จิต ทอ • งัน • ออ พอ ลู ซี • ลู เกีย ตี • เกีย ลอ ตี • อี ซี ลี • หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ • สัต พอ สัต พอ • มอ ลา มอ ลา • มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน • กี ลู กี ลู กิด มง • ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี • หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี • ทอ ลา ทอ ลา • ตี ลี นี • สิด ฮู ลา เย • เจ ลา เจ ลา • มอ มอ ฮัว มอ ลา • หมก ตี ลี • อี ซี อี ซี • สิด นอ สิด นอ • ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี • ฮัว ซอ ฮัว ซัน • ฮู ลา เซ เย • ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา • ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี • ซอ ลา ซอ ลา • สิด ลี สิด ลี • ซู ลู ซู ลู • ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย • ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย • มี ตี ลี เย • นอ ลา กิน ซี • ตี ลี สิด นี นอ • ผ่อ เย มอ นอ • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • หม่อ ฮอ สิด ถ่อ เย •ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ทอ ยี อี • สิด พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นอ ลา กิน ซี • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ ลา นอ ลา • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ลา เซง ออ หมก เค เย • ซอ ผ่อ ฮอ • เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • ปอ ทอ มอ กิต สิต ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ พอ ลี เซง กิต ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย • นำ มอ ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิต ตี • ชอ พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • งัน สิต ติน ตู • มัน ตอ ลา • ปัด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ

ผลานิสงส์ของการสวดมหากรุณาธารณีสูตร
๑. มีความสุขความเจริญ ๖. ปราศจากอุปสรรคนานาประการ
๒. ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ๗. เป็นการเสริมสร้างบารมี
๓. มีอายุยืนยาว ๘. เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม
๔. อุดมด้วยสมบัติพัสถาน ๙. แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ
๕. ตัดวิบากกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบัน ๑๐.เมื่อสิ้นอายุขัยจะได้เฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ แดนสุขาวดี

- จะนั่งญาน ภาวนา รักษาจิต
ให้ความคิด บริสุทธิ์ หลุดโลกหมอง
ความประพฤติ ทั่วไป จงไตร่ตรอง
ให้สอดคล้อง ศีลธรรม ประจำใจ.

บทสรรเสริญพระคุณพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรกวนอิมเจ้า

บทสรรเสริญพระคุณพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรกวนอิมเจ้า
“นำโม กวนสี่อิม ผ่อสัก”
นำโม ไต่ซื้อ ไต่ปุย กิ้วโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เหล่งก้ำ กวนสี่อิมผ่อสัก (กราบ)
นำโม ไต่ซื้อ ไต่ปุย กิ้วโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เหล่งก้ำ กวนสี่อิมผ่อสัก (กราบ)
นำโม ไต่ซื้อ ไต่ปุย กิ้วโค่ว กิวหลั่ง กวงไต๋เหล่งก้ำ กวนสี่อิมผ่อสัก (กราบ)
นำโมฮุก นำโมหวบ นำโมเจ็ง นำโมกิ้วโค่ กิวหลั่งกวนสี่อิม ผ่อสัก
ถั่งจี้ตอ โอม เกียล้อฮวดตอ เกียล้อฮวดตอ เกียออฮวดตอ หล่อเกียฮวดตอ
หล่อเกียฮวดตอ ซาผ่อออ เทียงหล่อซิ้ง ตี่หล่อซิ้ง นั้งหลี่หลั่ง หลั่งหลี่ซิง
เจ็กเฉียกใจเอียงห่วยอุ่ยติ๊ง นำ หม่อ ออ ปวกเยี๊ย ปอหล่อบิ๊ก (กราบ)

อานิสงส์ของการสวดมนต์ภาวนาสรรเสริญพระแม่กวนอิม

อานิสงส์ของการสวดมนต์ภาวนาสรรเสริญพระแม่กวนอิม
๑. ทำให้เกิดความสงบทางจิตใจ เกิดพลังสมาธิ และบังเกิดเป็นบุญกุศล
๒. เกิดพลังแห่งปัญญา รู้ถึงบาปบุญคุณโทษ เกิดเป็นสติให้ได้ยั้งคิดว่า อะไรคือสิ่งที่ควรหรือไม่ควรกระทำ
๓. เกิดความเมตตา กรุณา ปราถนาดีที่จะมอบความรักแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้อยู่เย็นเป็นสุข
๔. สามารถแก้วิบากกรรมต่างๆ ได้ ลดทอนแรงแห่งกรรมชั่ว เสริมสร้างแรงแห่งกรรมดีให้ปรากฏ ทำให้สมประสงค์ในสิ่งที่ปราถนาดังใจทุกประการ
๕. เข้าถึงพระรัตนตรัยในเบื้องต้น ท่ามกลาง และถึงที่สุด
๖. เข้าถึงพระญาณบารมีแห่งพระโพธิสัตว์กวนอิมโดยตรง เพื่อพระองค์จะประทานพรให้และช่วยขจัดปัดเป่าปัญหาต่างๆ ให้สิ้นไป
๗. เมื่อสวดมนต์ถวายท่านเป็นประจำ น้อมจิตใจให้มีศรัทธาในคุณงามความดีของพระองค์ และตัวเราทำความดีละเว้นความชั่วเดินตามสายธรรมขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เชื่อว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมเจ้า ท่านย่อมเงี่ยหูฟังเสียงมนต์ของเราและทอดพระเนตรเห็นลูกของท่านอยู่เสมอ ชีวิตของเราได้รับการคุ้มครอง โอบอุ้ม ช่วยเหลือและเลี้ยงดู เปรียบประดุจแม่ที่เลี้ยงดูบุตรในอุทร พร้อมกับประทานน้ำทิพย์อันศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เรา ชีวิตของเราจะพบกับความรุ่งเรือง พ้นจากความทุกข์ยาก คำว่า “ไม่มี ไม่พอ ไม่ได้” และ ความยากจนจะไม่เกิดกับเราอีก ผู้สวดมนต์ถวายท่านเป็นประจำจะพ้นทุกข์ พ้นโศก โรคภัยอันตรายทั้งหลาย และความขัดแย้ง ความผิดพลาด ความผิดหวังเป็นอันหาได้ยาก บาปกรรมที่เคยมีมาได้รับการให้อภัยยกเป็นอภัยทาน เจ้ากรรมนายเวรจะให้อโหสิกรรมแก่กัน หรือกรรมเวรทุเลาเบาบางอย่างรวดเร็ว ด้วยพระบารมี และพระคุณ ขององค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม แน่นอน.
๘. ฐานะการงาน การเงิน การค้าขาย ความเป็นอยู่ในเรื่องต่างๆ ทั้งชีวิตครอบครัว และสังคมภายนอกร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วกัน
๙. เดินทางไปไหน ปลอดภัย ไม่ตายโหง ไม่มีอุบัติเหตุเภทภัย คุณศีลคุณธรรม ย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมเสมอ.
วิธีการสวดมนต์เพื่อเข้าถึงองค์พระโพธิสัตว์
๑. ชำระจิตให้สะอาด ปล่อยจิตว่าง และปล่อยวางจากอารมณ์ที่หมักหมมขุ่นมัว จากความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอาฆาตพยาบาทต่างๆ อันนอนเนื่องอยู่ในดวงจิต ให้เป็นจิตที่มีกุศล มีเมตตา กรุณา มีความสงบเย็นและมีความตื่นรู้เบิกบาน รวมจิตให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อพร้อมบริกรรมพระคาถา
๒. มีความสบายด้วยกายที่สะอาด พร้อมด้วย ใจที่ศรัทธาในพระรัตนะตรัย และวาจาเป็นที่เป็นสัจจาบริสุทธิ์
๓. เตรียมความพร้อมเช่น ธูป เทียน เครื่องสักการะตามกำลัง สร้อยประคำ (สำหรับนับเม็ดประคำเพื่อหาจุดรวมของจิตเหมาะสำหรับบางท่านที่จิตยังหวั่นไหวอ่อนอยู่ หรือ หากบางท่านมีจิตที่มั่นคงแล้วไม่ต้องใช้ก็ได้)
๔. อยู่ในที่อันสงบ อยู่ในอิริยาบทที่ผ่อนคลาย สำรวม ระวัง กาย วาจา ใจ อันควรแก่การปฏิบัติ (ถูกกาละเทศะ และถูกสถานที่)
เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเริ่มสวดมนต์

วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

เรื่องที่ 3 วิญญาณอาทวดมาบอกลามาบอกลา (เก็งซิวโกว)

เรื่องที่ 3 วิญญาณอาทวดมาบอกลามาบอกลา (เก็งซิวโกว)
เรื่องต่อไปนี้เกิดมาประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุในขณะนั้นประมาณ 6-7 ปีเห็นจะได้ซึ่งเป็นเจ้าของประสพการณ์ที่กำลังจะเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังต่อไปนี้
เรื่องมีอยู่ว่า ขอสมมุติชื่อของเธอว่า เด็กหญิง “บัวบุญ”
บัวบุญมีบิดา-มารดาเป็นคนจีน ประกอบอาชีพอิสระ อยู่แถว ตลาดสนามเป้า อนุเสาวรีย์ชัย กทม. ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวที่ชอบทำบุญ ทั้งแบบประเพณีจีนและไทย นั่นคือ ทั้งไหว้เจ้าและทำบุญใส่บาตรเลี้ยงพระเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้เป็นมารดา จะต้องต้มข้าวต้มหมู หม้อใหญ่ๆ ไปเลี้ยงพระคณะ 5 ทั้งคณะ ที่วัดสระเกศ ภูเขาทอง ซึ่งตั้งอยู่ แถววรจักร เป็นประจำทุกวันพระมิได้ขาด ทำต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี โดยให้ผู้เป็นสามีนำไปถวาย และเด็กหญิงบัวบุญ ก็มักจะขอให้แม่ปลุกให้ตื่นมาช่วยทำอาหารเลี้ยงพระด้วยเกือบทุกครั้ง โดยไม่ได้มีใครชักจูงหรือบังคับแต่อย่างใด ทุกครั้งเธอก็จะสนุกสนานกับการที่ได้ช่วยทำโน่นนี่อย่างสนุกสนาน เหมือนกับเด็กที่ได้เล่นขายของอย่างไรอย่างนั้น (นั่นอาจจะเป็นเชื้อบุญและอุปนิสัยเดิมที่ติดตามตัวมาตั้งแต่ชาติปางก่อน) ก่อนที่จะนำข้าวต้มไปถวายพระที่วัดสระเกศ ผู้เป็นบิดา-มารดาและเด็กหญิงบัวบุญก็จะใส่บาตรพระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตรที่หน้าบ้านก่อนจำนวน 9 รูป (เป็นพระที่เดินมาจากวัดมะกอกซึ่งตั้งอยู่แถวอนุเสาวรีย์ชัยนั่นเอง) แล้วจีงพากันนำข้าวต้มไปถวายพระที่วัดสระเกศต่อไป เธอมักจะขออนุญาตติดตามไปที่วัดสระเกศด้วยเสมอ แต่สำหรับผู้เป็นมารดาจะตามไปวัดด้วยเป็นบางครั้งเพราะต้องการพักผ่อนต่อเนื่องจากตื่นแต่ดึกนั่นเอง
และผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงบัวบุญ มีอาสาวผู้หนึ่งอายุของอาสาวของมารดาในขณะนั้นก้อประมาณ 65-70 ปี เห็นจะได้ ที่เรียกว่า “อาสาว” ทั้งที่อายุมากแล้วเพราะเหตุว่า อาสาวของมารดานั้นเป็นสาวพรหมจรรย์ บวชขาวถือศีลกินเจตลอดชีวิต และใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงเจเท่านั้นไม่ค่อยได้ออกมาสู่โลกภายนอกเท่าไร คุณอาทวดของบัวบุญบวชรักษาศีล สำรวมกายวาจาใจตั้งแต่ยังไม่เป็นนางสาวด้วยซ้ำไป (คนสมัยก่อนทำบัตรประชาชนต้องรอให้อายุ 18 ปีบริบูรณ์ก่อน แต่ปัจจุบันเด็กๆทำบัตรประชาชนตั้งแต่อายุ 15 ปี ซึ่งถ้าถามข้าพเจ้าเห็นว่ามันเร็วเกินไป เพราะเมื่อมีบัตรประชาชนเร็วแต่สภาวะทางจิต(สามัญสำนึก) ความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นยังไม่พร้อมและมีไม่มากพอ เด็กสมัยนี้จึงโตเร็วเกินไปและเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นจึงไม่เกิดสำนึกแห่งความรู้ผิด-รู้ชอบมากเท่าที่ควร ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมายตามมา จากความรู้สึกเขาเหล่านั้นคิดว่า “หนู – ผม โตแล้ว” (ไม่ทราบว่าคนอื่นจะมีความเห็นเหมือนกันรึเปล่า) เด็กหญิงบัวบุญ เรียกคุณอาผู้นี้ว่า “อาทวด” ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เหล่าโกว” แม่ของบัวบุญ มักจะไปเยี่ยมคุณอาทวดที่โรงเจแถวตลาดพลู ย่านฝั่งธนฯเป็นประจำทุกๆ เดือน พร้อมนำขนมเจ ผลไม้ต่างๆ กระดาษเงินกระดาษทองที่ใช้ไหว้เจ้าไปด้วย เมื่อไหว้เจ้าเสร็จ ก็จะมานั่งสนทนา ถามสาระทุกข์สุกดิบกัน พร้อมทั้งแม่ของบัวบุญก็จะ มอบเงินให้อาทวดเก็บไว้ใช้ด้วยทุกครั้ง บัวบุญชอบไปหาอาทวดมาก เพราะเมื่อไปถึงทุกครั้ง อาทวด จะเรียกให้เด็กหญิงบัวบุญมานั่งตัก และใช้มือลูบหัวของบัวบุญพร้อมทั้งให้ศีลให้พรตลอด กับมักจะหาขนมให้กินมิได้หยุด ตลอดถึงท่านจะสอนธรรมะ และเล่านิทานให้ฟังอย่างน้อย 1 เรื่องเป็นเรื่องสั้น บัวบุญจำได้ว่า เรื่องที่เล่าทุกครั้งมักจะเกี่ยวกับการทำความดี และเรื่องของเทพเจ้า-เทวดาเสมอ อาทวดชอบให้เงินกินขนมกับบัวบุญด้วย 20 บาท (สมัยนั้น 20 บาทของบัวบุญเยอะมาก ยิ่งถ้าไปช่วงใกล้ตรุษจีนบัวบุญจะได้อั่งเปาถึง 100 บาททีเดียว ทุกเทศกาลตรุษจีนแม่ของบัวบุญจะซื้อผ้าใหม่ไปให้อาทวดไว้ตัดเสื้อผ้าใส่และให้เงินอาทวดเป็นอั่งเปาทุกปี) สิ่งที่บัวบุญได้จากการไปโรงเจที่อาทวดของบัวบุญอยู่นี้ นอกจากได้รับความรักความเมตตาจากท่านแล้ว ยังได้หัดพับใบเงินใบทอง พับดอกบัว จัดถาดผลไม้ และได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในโรงเจที่สมถะ เรียบง่าย บรรยากาศภายในโรงเจเงียบสงบ ร่มรื่นและสะอาด มีกลิ่นธูป ควันเทียน และเห็นผู้รักษาศีลนั่งสวดมนต์และนับสร้อยประคำ กระจายอยู่ทั่วไป แต่ละคนไม่ค่อยพูอคุยกัน อยู่ในอาการสงบ เป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่บัวบุญชอบมากกว่านั้น คือบัวบุญชอบ แอบมองอาทวดของเธอเสมอพลางคิดตาม ว่า
อาทวดพูดน้อย พูดช้าๆน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล เวลาจะพูดเหมือนนึกอะไรก่อนเสมอ และยิ้มอยู่ตลอดเวลา กริยาท่าทางนุ่มนวลไม่รีบร้อน ท่านั่ง ยืน เดินช้าๆ แต่ไม่เนิบนาบกลับดูกระฉับกระเฉงเสียด้วยซ้ำไป และสิ่งหนึ่งที่อาทวดทำไม่หยุดคือ นับเม็ดสร้อยประคำไม่ว่าจะอยู่อิริยาบทใด ถ้าหยุดนับก็จะนำสร้อยประคำเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อน พอทำอะไรเสร็จ ก็หยิบขึ้นมานับต่อ ส่วนผิวพรรณของอาทวดแม้จะอายุมากแล้วแต่ดูอิ่มเอิบ ขาวเนียนดูสดใสมาก และที่สำคัญแววตาของท่านสดใส ไม่ขุ่นมัวเลย เรียกว่าเป็นลักษณะของคน อิ่มบุญจริงๆ เวลาอาทวดกอดบัวบุญเธอมักได้กลิ่นหอมอ่อนจากตัวอาทวดเสมอ บัวบุญจึงชอบให้อาทวดกอดนานๆ นี่เขาเรียกว่ากลิ่นศีล กลิ่นบุญใช่หรือเปล่า
หลายปีผ่านไปจนบัวบุญอายุประมาณ 14-15 ปี ก็เกิดเหตุประหลาดขึ้นกับบัวบุญและแม่ของเธอ ในคืนวันหนึ่งขณะที่บัวบุญหลับสนิทก็ได้ฝันไปว่า อาทวดแต่งตัวด้วยชุดขาวทั้งชุดมือข้างขวาถือสร้อยประคำเส้นที่คุ้นตา(ซึ่งบัวบุญเคยถามท่านว่าประคำเส้นนี้ดูเก่ามากอายุเท่าไรแล้วอาทวดตอบว่า “อายุมากกว่าบัวบุญเพราะอายุสร้อยประคำเท่ากับที่อาทวดบวช” เนื่องจากใช้ประคำเส้นนี้มาตลอดเป็นเส้นแรกและเส้นเดียวไม่เคยเปลี่ยนเลย) ในความฝันอาทวดเดินเข้ามาหาเธอที่บ้าน ลักษณะการเดินเหมือนเหาะหรือลอยมามากกว่า พร้อมกับยิ้มให้บัวบุญ ยกมือขึ้นลูบหัวและพูดว่า “เหล่าโกวไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ เหล่าโกวจะไปรออยู่ที่สวรรค์ ทำบุญ ทำความดีเยอะๆนะแล้ววันหนึ่งจะได้ไปอยู่ด้วยกัน ถ้ามีอะไรก็ตาม ให้คิดถึงเหล่าโกวนะ พร้อมกับบอกต่ออีกว่าเหล่าโกวให้เจ้า” พูดเท่านั้น อาทวดก็ส่งสร้อยประคำเส้นนั้นให้บัวบุญ เธอรู้สึกว่าเธอตกใจและร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้อาทวดของเธอ ทันใดเธอก็ตกใจตื่นขึ้น เป็นเวลาเช้าพอดี พอบัวบุญแต่งตัวเสร็จก็เล่าความฝันให้แม่ฟังเมื่อเธอเล่าจบ แม่ของบัวบุญบอกว่าท่านก็ฝันเห็นอาทวดเหมือนกัน แต่อาทวดมายืนเฉยๆ แต่งตัวสวยด้วยผ้าขาว แล้วลอยหายไป ขณะที่เล่าความฝันกันอยู่นั้นก็พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เสียงจากปลายสายโทรมาบอกว่า “อาทวดของบัวบุญตายแล้วอย่างสงบเมื่อตอนประมาณ ตี 3 ของเมื่อคืนนี้เอง” ปัจจุบันสร้อยประคำเส้นนี้ตกอยู่ที่บัวบุญเธอรักสร้อยประคำเส้นนี้มาก เธอบอกว่าสิ่งนี้เปรียบเสมือนของมีค่าที่ล้ำค่ายิ่ง เธอเคยกล่าวว่า ต่อให้เอาทองมากองจนล้นฟ้าก็ไม่ขาย แต่จะยกให้ลูกเพื่อเป็นมรดกอันเป็นมงคลกับลูกหลานของเธอในภายหน้า และตั้งใจจะให้กับลูกหลานที่ใฝ่ในธรรมได้รักษาสืบไป ปัจจุบันเธอใช้ประคำเส้นนี้ในการภาวนาเสมอทุกครั้งที่มีโอกาส และมักจะนำติดตัวในเวลาเดินทางไปไหนไกลๆเสมออีกด้วย เพราะเธอรู้สึกว่ามีอาทวดมาคุ้มครองอยู่ใกล้ๆ และที่สำคัญกว่านั้น อาทวดคือบุคคลตัวอย่างที่ให้เธอได้ปฎิบัติตาม คือ มีความเมตตา รักษาธรรม รักษาความดี ละเว้นการทำชั่วทั้งปวง และการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย สมถะดำรงชีวิตอย่างพอเพียงเสมอ ไม่มีอาการของความกระหายอยากได้ สุขุม สงบ ร่มเย็นจริงๆ บัวบุญ บอกว่า “รักอาทวดเสมอค่ะ” บัวบุญก็ยังคิดถึง อาทวดของเธอตลอดไม่เคยลืมเลย และถ้านับอายุของสร้อยประคำเส้นนี้ก็ประมาณ เกือบร้อยปีเศษแล้วกระมัง ขอธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรมโดยทั่วกันและขอผลบุญนี้จงแผ่ไปให้ไพศาลถึงทุกผู้นามในบทความเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาทวดของบัวบุญผู้มีศีลบริสุทธิ์และเป็นผู้ปฎิบัติประพฤติธรรมอันเป็นหน่อเนื้อนาบุญแห่งบุญแท้ด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

เรื่องที่ 2 พระแม่กวนอิมทรงเมตตาช่วยปลดปล่อยวิญญาณของแม่

เรื่องที่ 2 พระแม่กวนอิมทรงเมตตาช่วยปลดปล่อยวิญญาณของแม่

นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในยุคนี้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เหตุเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ณ. บ้านหลังหนึ่งใน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรเรานี่เอง มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีพี่น้องประมาณ 5 คน ซึ่งบิดา- มารดา ได้เสียชีวิตไปหมดสิ้นแล้ว แต่ละคนขาดความเคารพรักและสามัคคีต่อกัน มีแต่แก่งแย่งกันตลอดเวลา ยิ่งในขณะนั้นเมื่อไม่มีร่มโพธิร่มไทรมาปกปักษ์รักษาเขาทั้งหลาย ก็เหมือนเรือที่ขาดหางเสือ ต่างคนต่างต้องการผลประโยชน์ ในกองมรดก และช่วงชิงความเป็นใหญ่ในบ้านหลังนั้น จึงเกิดปัญหาขัดแย้งกันอยู่เสมอ จนถึงขั้นแตกหัก ถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลฟ้องแบ่งทรัพย์สินเป็นเรื่องราวใหญ่โต (ให้น่าอับอายต่อบรรพบุรุษ และต่อวิญญาณของพ่อแม่เป็นยิ่งนัก ถ้าเขาเหล่านั้นสามารถสัมผัสหรือมองเห็นวิญญาณของท่านได้ คงจะได้เห็นว่า ท่านกำลังร้องไห้เสียใจต่อการกระทำของเหล่าบรรดาลูกๆแน่นอน)
วันหนึ่งในขณะที่บุตรสาวคนเล็กของผู้ตายหรืออีกนัยหนึ่งก็คือน้องคนสุดท้องของพี่น้องตระกูลนี้กำลังสนทนากับเพื่อนที่บ้านเพื่อนของเธอ ก็เกิดเหตุการประหลาดขึ้น อยู่ดีเธอก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เหมือนควบคุมร่างกายไม่ได้และอยากลงนั่งลงกับพื้น กับทั้งตัวเริ่มโคลงเคลง น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนไป เป็นเสียงเล็กๆ ใส พูดจาช้าๆ เนิบ ดูใจเย็น และมีรอยยิ้มที่มุมปากตลอดเวลา พร้อมกับมือที่ข้างซ้ายจีบระหว่างนิ้งโป้ง กับนิ้วชี้อย่างสวยงามหงายมือขึ้นวางไว้ที่เข่าข้างซ้าย ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ และมือข้างขวาจีบนิ้วเหมือนข้างซ้ายแต่ตั้งตรงประคองไว้ที่บริเวณอกข้างขวา แล้วเปล่งวาจาว่า
“พรุ่งนี้ตอนเช้าให้ร่างนี้รีบกลับไปทำความสะอาดที่บริเวณหิ้งบูชาบรรพบุรุษด่วน โดยเฉพาะบริเวณรูปของผู้เป็นแม่อย่างละเอียดที่สุด สะอาดที่สุด ห้ามผลัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด สงสารดวงวิญญาณของผู้ตาย ออกไปไหนไม่ได้ รับส่วนบุญก็ไม่ได้ ใบหน้าเศร้าหมองมาก และกำลังอยากจะช่วยบุตรหลานให้พ้นกรรม บ้านเรือนจะได้ไม่เดือดร้อน อย่าลืม”
พอพูดจบ เธอผู้นั้นก็นั่งนิ่งๆ สักพัก แล้วกราบลงกับพื้น 3 หนสักครู่ก็ได้สติ ทุกคนถามเธอว่า รู้ตัวรึเปล่าว่าเมื่อสักครู่เป็นอะไร เธอบอกว่ารู้ตัว แต่บังคับตัวไม่ได้ และอารมณ์ในขณะนั้นเหมือนตัวเองอยากพูดแต่ในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นมาจากไหน รู้แต่ว่ามันต้องพูดตามบทที่เหมือนมีคำสั่งให้พูดตามนั้น หลังจากนั้นในตอนเช้าเธอก็ไปทำความสะอาดบริเวณหิ้งบูชาบรรพบุรุษตามบัญชา และเน้นที่บริเวณรูปของมารดา แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ขณะนั้นที่เธอกำลังจ้องมองดูรูปของแม่โดยเฉพาะที่บริเวณดวงตา เหมือนตาจ้องตา อยู่ดีๆ ก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า และเหมือนมีอะไรมาสกิดใจให้ถอดรูปแม่ออกมาจากกำแพง พอหันรูปดูด้านหลังพบ ยันสีแดงผืนใหญ่มีอักษรจีนซึ่งเธออ่านไม่ออก ปิดทับไว้ เพียงเท่านั้นน้ำตาของเธอก็พรั่งพรู มีทั้งอารมณ์ที่สงสารแม่ และอารมณืโกรธ ว่าใครช่างใจร้ายต่อดวงวิญญาณของแม่เธอขนาดนี้ เธอ เอายันต์ไปเผาแล้วหาน้ำมาล้างอาถรรถ์ให้แม่ เธอสืบรู้ภายหลังว่าคนที่ทำ คือ พี่สะใภ้ของเธอคนหนึ่ง(ในจำนวน 4 คน) เป็นผู้กระทำโดยความเห็นชอบของสามี (ลูกชายของแม่นั่นเอง) หลังจากนั้นเพียงคืนเดียวเธอก็ฝันเห็นแม่และพ่อมาหาและบอกขอบใจ เรื่องราวภายในครอบครัวจะคลี่คลายในเร็ววันที่สุด ท่านจะช่วยเอง พอเช้าเธอก็ทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทานและกรวดน้ำให้แม่เธอในทันที หลังจากนั้นคดีความก็จบลง ทุกคนแยกย้ายไปในทิศทางที่ตัวเลือก ลูกบางคนก็ได้รับผลกรรมอย่างแสนสาหัส เป็นอัมพฤกตลอดชีวิตตามที่ตนได้สร้างไว้อย่างสาสม
อ้อลืมเล่าไปว่าเพื่อนของเจ้าของเรื่องนี้ได้ถามเธอว่า“รู้ไหม?ว่าเทพเทวดาพระองค์ใดทรงเมตตามาให้ความช่วยเหลือวิญญาณของแม่” เธอตอบไปว่า “ตามที่เห็นภาพลางๆ เหมือนพระแม่กวนอิม”
แต่เจ้าจิตในจิตนี่สิบอกว่า ที่เห็นไม่ผิดหรอกของจริงเลยล่ะเป็นการเน้นย้ำในสิ่งที่เห็นในจิตนั้น แต่วันนั้นเธอไม่กล้าบอกใครกลัวหาว่าแอบอ้างแล้วกลายเป็นคนหรอกลวงไป เธอรอจนกว่าทุกอย่างจะปรากฎ หลังจากนั้นมาเธอก็รู้ว่าพระแม่กวนอิมท่านมีพระเมตตาเสมอและอยู่ใกล้ๆพวกเรานี้แหละ เพียงแต่ท่านจะเสด็จมาโปรดเมื่อเห็นว่าเวลานั้นสมควรและพร้อมกับทั้งบุญบารมีของแต่ละบุคคล ว่าท่านจะสมควรให้ความช่วยเหลือประการใด รูปแบบใดและถึงเวลาหรือยัง สิ่งศักดิ์มีจริงทุกองค์ ขอเพียงเราและท่านตั้งศรัทธาจริง ทำดีจริง ละเว้นความชั่วจริง ฟ้า-ดิน ย่อมมีตา
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่านผู้ปฏิบัติธรรมและท่านผู้มีมุทิตาจิตต่อผู้มีพระคุณทุกคน สาธุ สาธุ สาธุ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ โปรดให้การช่วยเหลือลูกกตัญญู

ดิฉัน ขอถวายพระพรและ ขออนุญาตจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า พระองค์เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยกระแสแห่งความรักและความเมตตาที่มีให้แก่สัตว์โลกทั้งหลายอย่างที่สุดไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ ดิฉันจะขอเล่าประสพการณ์ชีวิตของผู้ปฎิบัติธรรม ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเคารพศรัทธาในพระแม่กวนอิม ถ่ายทอดเป็นประสพการณ์ให้กับเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายได้รับรู้ว่า บุญมีจริง พลังแห่งความดี และพลังแห่งศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพียงท่านศรัทธาจริง ปฎิบัติจริง ทุกอย่างย่อมคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี และที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้นแน่นอน
และที่สำคัญกว่านั้นจุดประสงค์ของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆนี้ เพื่อบูชาพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า บูชามหาเทพ มหาพรหม บรมครูทุกพระองค์ บูชาบิดา-มารดา และเทวดาทุกชั้นวิมาน บูชาคุณงามความดี บูชาศีล-บูชาธรรม ดังนั้นเมื่อเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ขอให้งานเขียนของดิฉันจงสำเร็จประโยชน์ทุกประการเทอญ และหากมีสิ่งหนึ่งอันใดผิดพลาดขอให้สิ่งศักดิ์ทั้งหลายได้โปรดให้อภัยและอดโทษแก่ดิฉันด้วยเถิด พร้อมทั้งได้โปรดเมตตาดลจิตดลใจ ชี้ทางแห่งปัญญาให้เกิดในบัดดลเพื่อถ่ายทอดประสพการณ์บุญให้บรรลุผลแห่งความดีทุกประการ เทอญ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
เรื่องที่ 1 ความกตัญญู เป็นเลิศที่สุดแห่งการปฎิบัติธรรม แม้แต่องค์สมเด็จพระภควันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านยังเสด็จไปโปรดพระมารดาบนสวรรค์ไปแสดงธรรมให้พระราชมารดาได้รู้ตามในพระธรรมนั้น ตามที่เราได้ศึกษามาในพระพุทธศาสนาและมีน้ำพระทัยอันงดงามที่จะไปโปรดแก่พระบิดา และพระญาติ ตลอดจนถึง ครูบาอาจารย์ และปัญจวัคคีทั้ง ๕ ผู้เคยปฎิบัติ อุปถัมถ์ เมื่อครั้งยังบำเพ็ญทุกขกริยาอยู่ พระองค์ท่านไม่เคยลืมบุญคุณใคร มีแต่คิดจะทดแทนบุญคุณนั้นตลอดเวลา ด้วยการประกาศพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วให้เขาเหล่านั้นได้รู้ตาม เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบเทียมได้เลย พระองค์ทรงแสดงธรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยความกตัญญูไว้หลายเรื่อง ดังที่เราพอทราบแล้ว ส่วนพระประวัติของพระแม่กวนอิมเจ้าพระมหาโพธิสัตว์ผู้ยอมสละแขนทั้งสองและดวงตาทั้งสองของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตพระราชบิดาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพยามัจจุราช โดยไม่เสียดายชีวิตหรือกลัวว่าตนจะต้องกลายเป็นคนพิการแต่อย่างใด จนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ในที่สุดนั่นเอง โอม มณี เปมา ฮูง สำหรับบุคคลที่จะกล่าวถึงนี้ ขอสงวนนามของเจ้าของเรื่องเพื่อสะดวกในการเผยแพร่ธรรมสืบไป
15 ปี ที่ผ่านมา ณ. บ้านหลังหนึ่งย่าน อำเภอบางเขน กทม. มีสตรีนางหนึ่ง อายุประมาณ 30ปี เป็นบุคคลที่ชอบการปฎิบัติธรรมและพยายามที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติธรรมให้เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เธอผู้นี้มีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีอะไรโก้หรู ทางบ้านก็ทำการค้าระดับปานกลาง แต่เหตุมีอยู่ว่า ผู้เป็นบิดาของเธอผู้นี้ได้ไปทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาทำกิจการบ้านเช่า โดยนำที่ดินไปทำจองนองกับธนาคาร และให้บุตร-ธิดาเป็นผู้ค้ำประกัน ได้เงินกู้มาประมาณ ๕,000,000 (ห้าล้านบาท) ผ่อนชำราะ ๕ ปี
เรื่องมันน่าจะดีไม่มีปัญหาแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่ผู้เป็นบิดาได้รับการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารมาแล้วและพร้อมกับรับเงินก้อนแรกเพื่อนำมาทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าว เธอผู้นี้ได้สังเกตเห็นบิดาของตนดูไม่มีความสุข ทานข้าวได้น้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ (ปกติมักจะนอนพักผ่อนตอนกลางวัน) และตอนกลางคืนตื่นบ่อยกว่าปกติ แต่ที่เห็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในบุคคลิกของผู้เป็น บิดา คือท่าก่ายหน้าผาก กับท่าถอนหายใจ เธอเฝ้าดูอยู่ประมาณ ๒ อาทิตย์จึงตัดสินใจคุยกับท่าน ได้รับคำตอบว่า “กลุ้มใจ ที่ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องลำบากมาเซ็นคำประกันหนี้ให้พ่อ และ เงินกู้ก้อนนี้ก็มากด้วย อีกทั้งไม่เคยทำกิจการบ้านเช่า ไม่รู้ว่าจะดีไม๊ กังวลหลายอย่าง (และพอดีช่วงนั้นมีปัญหาวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา กับคนงานก่อสร้างเล่นตัว เนื่องจากว่าจ้างรับเหมาเฉพาะค่าแรง) เธอผู้นั้นรู้สึกสงสารบิดามาก เพราะท่านทั้งไม่กินและไม่นอน ดูซูบลง แววตาผู้เป็นพ่อมีความกังวลตลอดเวลา หลังจากนั้น ๓ วัน จึงตัดสินใจว่า ตนจะปฎิบัติธรรมอย่างเคร่งถวายบุญเป็นพุทธบูชา และขอให้บุญกุศลนั้นตอบแทนบิดาของตนให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้โดยเร็วที่สุด เธอได้บอกผู้เป็นบิดา และญาติของเธอว่า ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะปิดวาจา ถือศีล ๘ ทานเจนุ่งขาวห่มขาว และสวดมนต์ตลอดค่ำคืน ตั้งแต่ เที่ยงคืนไปยันรุ่งสว่าง ห้ามผู้ใดรบกวนและขอร้องให้ผู้เป็นพี่สะใภ้ ทำกับข้าวเจให้ทุกวัน โดยที่ไม่ให้เหตุผลอย่างใดกับใครทั้งสิ้น ยกเว้นผู้เป็นบิดาเพียงผู้เดียวโดยขอร้องว่าไม่ให้บอกใคร “การปฎิบัติธรรมครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไม๊ แต่ลูกเชื่อมั่นในความศักดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อมั่นในความกตัญญูของลูก ขอให้พ่อเก็บเป็นความลับด้วย
เธอเริ่มปฎิบัติตั้งแต่วันนั้นโดยเข้าห้องพระจุดธูปอธิฐานจิตตามที่ตั้งใจ ขอให้พระโปรดประทานความเมตตาให้เกิดหนทางในการปลดหนี้ให้พ่อด้วยเถิด แล้วตนจะทานเจให้ตลอด ๗ วันนี้ พร้อมบำเพ็ญตบะบารมี สวดมนต์ต่อเนื่องไม่หยุดตลอดเวลาในขณะที่เข้าที่ปฎิบัติหน้าพระ จนกว่าเทียนทั้ง ๙ เล่มที่ใช้ประกอบการสวดมตน์ในแต่ละคืนจะหมดเล่มโดยไม่ทำให้ดับแต่จะให้เทียนดับเองและจะไม่ลุกจากที่ผ้าปูนั่งเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแต่ละวันใช้เวลาประมาณ ๙ ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ในคืนแรกเธอสวดมนต์บท พาหุง มหากา จนสว่าง ขณะที่พักผ่อนในเช้าวันนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาบอกว่า ให้สวดมนต์บท มหากรุณาธรณีสูตร ของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระแม่รอให้การช่วยเหลืออยู่ ครั้งแรกเธอไม่เชื่อและคิดว่าตนไม่ถนัดกับพระคาถาบทนี้ แต่ก็ลองสวดดู และตั้งจิตอธิฐานว่า “หากการแสดงกตัญญูกตเวทิตาของลูกนี้สำเร็จสามารถช่วยพ่อของลูกได้ ขอให้เทียนอย่าดับเลยแม้แต่เล่มเดียวตลอดทั้ง ๗ วัน ๗ คืน” เมื่อเวลาผ่านไป จนวันที่ ๗ มาถึง ในเช้าของวันที่ ๘ เธอผู้นั้นก็ยังคงนั้งสมาธิต่อเพื่อแจ้งต่อพระเจ้าว่า ครบ ๗ วันแล้วจะขอพักผ่อน ส่วนคืนนี้จะขอเพียงนั่งสมาธิเท่านั้น แต่จิตในจิต เหมือนมีคนมาคุยด้วยว่า เธอจะต้องละเว้นเนื้อสัตว์ไม่นำเนื้อสัตว์มาเป็นอาหาร และหมั่นสวดมนต์ภาวนา ปฎิบัติธรรมให้มากขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น เธอคิดว่าคงคิดไปเองแต่ก็รับปากไปว่าถ้าสำเร็จจริงก็จะปฎิบัติให้ และขอให้ได้ทรัพย์มากพอที่จะปลดหนี้ให้กับพี่น้องตนด้วยรวม ๖ คน หลังจากนั้น ๓ วันมีคนมาขอซื้อที่ดินของพ่อที่พระโขนงซึ่งเป็นที่รกร้าง โดยบอกว่ามีคนให้ที่อยู่มาเป็นชายแก่อายุประมาณ ๗๐ ปี ขี่จักรยานสวนทางกับผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อถามว่ามีใครจะขายที่แถวนี้บ้างไม๊ ต้องการซื้อไว้ทำโกดังลุงก็หยิบกระดาษเก่าๆ (เก่าจนเหลือง) มีชื่อของเธอผู้นั้นพร้อมที่อยู่ แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และผู้ซื้อก็มาตามที่อยู่ จนพบกัน ตกลงซื้อขายภายใน ๑ ชั่วโมง วางมัดจำอย่างไม่ต้องทำใบรับเงินและเทเงินสดภายใน ๗ วัน ที่กรมที่ดินเป็นอันหมดหนี้ทั้งปวง (คงสงสัยว่าทำไมง่ายจัง เพราะเธอเล่าเรื่องของเธอให้ชายผู้นั้นฟัง ทั้งยังบอกด้วยว่า เธอไม่เคยให้ที่อยู่กับใครเลย และชื่อที่อยู่ในกระดาษเป็นชื่อใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาแต่กระดาษที่เขียนมานั้นก็ไม่ใช่ลายมือเธอกับอายุกระดาษก็คงนานมากแล้ว ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เป็นบิดาเป็นเจ้าของที่ดินต่างหาก เขาผู้นั้นกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเขาต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่จะได้ที่ดินแปลงนี้ไป เพราะถ้าเป็นจริงเขาคิดว่าลุงคนนั้นคงเป็นเทวดาจำแลงแน่นอน) และหลังจากนั้นอีกไม่นานประมาณไม่ถึงเดือน ก็มีคนมาของซื้อที่อีกแปลง อย่างง่ายดายเทเงินสดทันทีเช่นกัน รวมได้เงินมา ๑๕ ล้าน รวมความทั้งหมดตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรและจนกระทั้งได้รับความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าแล้วไม่เกิน ๒ เดือนทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นกำลังใจให้เธอผู้นั้น เชื่อว่า บุญ-บาป มีจีริง สิ่งศักดิ์- เทพเจ้า-พระโพธิสัตว์มีจริง
นี่เป็นกำลังใจแรกให้แก่บุคคลอื่นๆอีกมากมายที่ยังคลางแคลงสงสัยว่า บุญมีจริงหรือไม่ เทพยดามีจริงหรือไม่ และทำดีได้ดีจริงหรือเปล่า ขอเพียงท่านศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ปฎิบัติธรรม สร้างสั่งสมความดี เพียรงดละเว้นความชั่ว เชื่อว่าท่านจะไม่ตกทุกข์ได้ยาก ทุกอย่างจะคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี (หากมีกระแสกรรมชั่วมากยิ่งต้องเร่งแก้ไข หมั่นสร้างกุศลและความดีให้มาก เน้นการปฎิบัติ ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นสำคัญ พระเจ้าจึงจะช่วยท่านได้อย่างบริบูรณ์) ขอให้พระรักษาธรรมคุ้มครองทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ทั่วกัน
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
บุญกุศลใดที่เกิดจากการเล่าประวัติของเธอผู้นี้และจากการเผยแผ่ธรรมจากเรื่องนี้ ขอน้อมจิตจำนงมุ่งตรงถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ทั่วทั้งแสนโกฎิหมื่นจักรวาล โดยเฉพาะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้แด่พระองค์พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาอย่างที่สุดพระพุทธเจ้าค่ะ และขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับทุกดวงจิตวิญญาณและสัพสัตว์ทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องนี้ทุกท่านโดยทั่วกันเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

เรื่องที่ 1 พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ โปรดให้การช่วยเหลือลูกกตัญญู

ดิฉัน ขอถวายพระพรและ ขออนุญาตจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า พระองค์เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยกระแสแห่งความรักและความเมตตาที่มีให้แก่สัตว์โลกทั้งหลายอย่างที่สุดไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ ดิฉันจะขอเล่าประสพการณ์ชีวิตของผู้ปฎิบัติธรรม ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเคารพศรัทธาในพระแม่กวนอิม ถ่ายทอดเป็นประสพการณ์ให้กับเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายได้รับรู้ว่า บุญมีจริง พลังแห่งความดี และพลังแห่งศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพียงท่านศรัทธาจริง ปฎิบัติจริง ทุกอย่างย่อมคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี และที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้นแน่นอน
และที่สำคัญกว่านั้นจุดประสงค์ของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆนี้ เพื่อบูชาพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า บูชามหาเทพ มหาพรหม บรมครูทุกพระองค์ บูชาบิดา-มารดา และเทวดาทุกชั้นวิมาน บูชาคุณงามความดี บูชาศีล-บูชาธรรม ดังนั้นเมื่อเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ขอให้งานเขียนของดิฉันจงสำเร็จประโยชน์ทุกประการเทอญ และหากมีสิ่งหนึ่งอันใดผิดพลาดขอให้สิ่งศักดิ์ทั้งหลายได้โปรดให้อภัยและอดโทษแก่ดิฉันด้วยเถิด พร้อมทั้งได้โปรดเมตตาดลจิตดลใจ ชี้ทางแห่งปัญญาให้เกิดในบัดดลเพื่อถ่ายทอดประสพการณ์บุญให้บรรลุผลแห่งความดีทุกประการ เทอญ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
เรื่องที่ 1
ความกตัญญู เป็นเลิศที่สุดแห่งการปฎิบัติธรรม แม้แต่องค์สมเด็จพระภควันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านยังเสด็จไปโปรดพระมารดาบนสวรรค์ไปแสดงธรรมให้พระราชมารดาได้รู้ตามในพระธรรมนั้น ตามที่เราได้ศึกษามาในพระพุทธศาสนาและมีน้ำพระทัยอันงดงามที่จะไปโปรดแก่พระบิดา และพระญาติ ตลอดจนถึง ครูบาอาจารย์ และปัญจวัคคีทั้ง ๕ ผู้เคยปฎิบัติ อุปถัมถ์ เมื่อครั้งยังบำเพ็ญทุกขกริยาอยู่ พระองค์ท่านไม่เคยลืมบุญคุณใคร มีแต่คิดจะทดแทนบุญคุณนั้นตลอดเวลา ด้วยการประกาศพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วให้เขาเหล่านั้นได้รู้ตาม เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบเทียมได้เลย พระองค์ทรงแสดงธรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยความกตัญญูไว้หลายเรื่อง ดังที่เราพอทราบแล้ว ส่วนพระประวัติของพระแม่กวนอิมเจ้าพระมหาโพธิสัตว์ผู้ยอมสละแขนทั้งสองและดวงตาทั้งสองของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตพระราชบิดาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพยามัจจุราช โดยไม่เสียดายชีวิตหรือกลัวว่าตนจะต้องกลายเป็นคนพิการแต่อย่างใด จนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ในที่สุดนั่นเอง โอม มณี เปมา ฮูง สำหรับบุคคลที่จะกล่าวถึงนี้ ขอสงวนนามของเจ้าของเรื่องเพื่อสะดวกในการเผยแพร่ธรรมสืบไป
15 ปี ที่ผ่านมา ณ. บ้านหลังหนึ่งย่าน อำเภอบางเขน กทม. มีสตรีนางหนึ่ง อายุประมาณ 30ปี เป็นบุคคลที่ชอบการปฎิบัติธรรมและพยายามที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติธรรมให้เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เธอผู้นี้มีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีอะไรโก้หรู ทางบ้านก็ทำการค้าระดับปานกลาง แต่เหตุมีอยู่ว่า ผู้เป็นบิดาของเธอผู้นี้ได้ไปทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาทำกิจการบ้านเช่า โดยนำที่ดินไปทำจองนองกับธนาคาร และให้บุตร-ธิดาเป็นผู้ค้ำประกัน ได้เงินกู้มาประมาณ ๕,000,000 (ห้าล้านบาท) ผ่อนชำราะ ๕ ปี
เรื่องมันน่าจะดีไม่มีปัญหาแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่ผู้เป็นบิดาได้รับการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารมาแล้วและพร้อมกับรับเงินก้อนแรกเพื่อนำมาทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าว เธอผู้นี้ได้สังเกตเห็นบิดาของตนดูไม่มีความสุข ทานข้าวได้น้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ (ปกติมักจะนอนพักผ่อนตอนกลางวัน) และตอนกลางคืนตื่นบ่อยกว่าปกติ แต่ที่เห็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในบุคคลิกของผู้เป็น บิดา คือท่าก่ายหน้าผาก กับท่าถอนหายใจ เธอเฝ้าดูอยู่ประมาณ ๒ อาทิตย์จึงตัดสินใจคุยกับท่าน ได้รับคำตอบว่า “กลุ้มใจ ที่ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องลำบากมาเซ็นคำประกันหนี้ให้พ่อ และ เงินกู้ก้อนนี้ก็มากด้วย อีกทั้งไม่เคยทำกิจการบ้านเช่า ไม่รู้ว่าจะดีไม๊ กังวลหลายอย่าง (และพอดีช่วงนั้นมีปัญหาวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา กับคนงานก่อสร้างเล่นตัว เนื่องจากว่าจ้างรับเหมาเฉพาะค่าแรง) เธอผู้นั้นรู้สึกสงสารบิดามาก เพราะท่านทั้งไม่กินและไม่นอน ดูซูบลง แววตาผู้เป็นพ่อมีความกังวลตลอดเวลา หลังจากนั้น ๓ วัน จึงตัดสินใจว่า ตนจะปฎิบัติธรรมอย่างเคร่งถวายบุญเป็นพุทธบูชา และขอให้บุญกุศลนั้นตอบแทนบิดาของตนให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้โดยเร็วที่สุด เธอได้บอกผู้เป็นบิดา และญาติของเธอว่า ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะปิดวาจา ถือศีล ๘ ทานเจนุ่งขาวห่มขาว และสวดมนต์ตลอดค่ำคืน ตั้งแต่ เที่ยงคืนไปยันรุ่งสว่าง ห้ามผู้ใดรบกวนและขอร้องให้ผู้เป็นพี่สะใภ้ ทำกับข้าวเจให้ทุกวัน โดยที่ไม่ให้เหตุผลอย่างใดกับใครทั้งสิ้น ยกเว้นผู้เป็นบิดาเพียงผู้เดียวโดยขอร้องว่าไม่ให้บอกใคร “การปฎิบัติธรรมครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไม๊ แต่ลูกเชื่อมั่นในความศักดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อมั่นในความกตัญญูของลูก ขอให้พ่อเก็บเป็นความลับด้วย
เธอเริ่มปฎิบัติตั้งแต่วันนั้นโดยเข้าห้องพระจุดธูปอธิฐานจิตตามที่ตั้งใจ ขอให้พระโปรดประทานความเมตตาให้เกิดหนทางในการปลดหนี้ให้พ่อด้วยเถิด แล้วตนจะทานเจให้ตลอด ๗ วันนี้ พร้อมบำเพ็ญตบะบารมี สวดมนต์ต่อเนื่องไม่หยุดตลอดเวลาในขณะที่เข้าที่ปฎิบัติหน้าพระ จนกว่าเทียนทั้ง ๙ เล่มที่ใช้ประกอบการสวดมตน์ในแต่ละคืนจะหมดเล่มโดยไม่ทำให้ดับแต่จะให้เทียนดับเองและจะไม่ลุกจากที่ผ้าปูนั่งเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแต่ละวันใช้เวลาประมาณ ๙ ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ในคืนแรกเธอสวดมนต์บท พาหุง มหากา จนสว่าง ขณะที่พักผ่อนในเช้าวันนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาบอกว่า ให้สวดมนต์บท มหากรุณาธรณีสูตร ของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระแม่รอให้การช่วยเหลืออยู่ ครั้งแรกเธอไม่เชื่อและคิดว่าตนไม่ถนัดกับพระคาถาบทนี้ แต่ก็ลองสวดดู และตั้งจิตอธิฐานว่า “หากการแสดงกตัญญูกตเวทิตาของลูกนี้สำเร็จสามารถช่วยพ่อของลูกได้ ขอให้เทียนอย่าดับเลยแม้แต่เล่มเดียวตลอดทั้ง ๗ วัน ๗ คืน” เมื่อเวลาผ่านไป จนวันที่ ๗ มาถึง ในเช้าของวันที่ ๘ เธอผู้นั้นก็ยังคงนั้งสมาธิต่อเพื่อแจ้งต่อพระเจ้าว่า ครบ ๗ วันแล้วจะขอพักผ่อน ส่วนคืนนี้จะขอเพียงนั่งสมาธิเท่านั้น แต่จิตในจิต เหมือนมีคนมาคุยด้วยว่า เธอจะต้องละเว้นเนื้อสัตว์ไม่นำเนื้อสัตว์มาเป็นอาหาร และหมั่นสวดมนต์ภาวนา ปฎิบัติธรรมให้มากขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น เธอคิดว่าคงคิดไปเองแต่ก็รับปากไปว่าถ้าสำเร็จจริงก็จะปฎิบัติให้ และขอให้ได้ทรัพย์มากพอที่จะปลดหนี้ให้กับพี่น้องตนด้วยรวม ๖ คน หลังจากนั้น ๓ วันมีคนมาขอซื้อที่ดินของพ่อที่พระโขนงซึ่งเป็นที่รกร้าง โดยบอกว่ามีคนให้ที่อยู่มาเป็นชายแก่อายุประมาณ ๗๐ ปี ขี่จักรยานสวนทางกับผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อถามว่ามีใครจะขายที่แถวนี้บ้างไม๊ ต้องการซื้อไว้ทำโกดังลุงก็หยิบกระดาษเก่าๆ (เก่าจนเหลือง) มีชื่อของเธอผู้นั้นพร้อมที่อยู่ แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และผู้ซื้อก็มาตามที่อยู่ จนพบกัน ตกลงซื้อขายภายใน ๑ ชั่วโมง วางมัดจำอย่างไม่ต้องทำใบรับเงินและเทเงินสดภายใน ๗ วัน ที่กรมที่ดินเป็นอันหมดหนี้ทั้งปวง (คงสงสัยว่าทำไมง่ายจัง เพราะเธอเล่าเรื่องของเธอให้ชายผู้นั้นฟัง ทั้งยังบอกด้วยว่า เธอไม่เคยให้ที่อยู่กับใครเลย และชื่อที่อยู่ในกระดาษเป็นชื่อใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาแต่กระดาษที่เขียนมานั้นก็ไม่ใช่ลายมือเธอกับอายุกระดาษก็คงนานมากแล้ว ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เป็นบิดาเป็นเจ้าของที่ดินต่างหาก เขาผู้นั้นกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเขาต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่จะได้ที่ดินแปลงนี้ไป เพราะถ้าเป็นจริงเขาคิดว่าลุงคนนั้นคงเป็นเทวดาจำแลงแน่นอน) และหลังจากนั้นอีกไม่นานประมาณไม่ถึงเดือน ก็มีคนมาของซื้อที่อีกแปลง อย่างง่ายดายเทเงินสดทันทีเช่นกัน รวมได้เงินมา ๑๕ ล้าน รวมความทั้งหมดตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรและจนกระทั้งได้รับความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าแล้วไม่เกิน ๒ เดือนทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นกำลังใจให้เธอผู้นั้น เชื่อว่า บุญ-บาป มีจีริง สิ่งศักดิ์- เทพเจ้า-พระโพธิสัตว์มีจริง
นี่เป็นกำลังใจแรกให้แก่บุคคลอื่นๆอีกมากมายที่ยังคลางแคลงสงสัยว่า บุญมีจริงหรือไม่ เทพยดามีจริงหรือไม่ และทำดีได้ดีจริงหรือเปล่า ขอเพียงท่านศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ปฎิบัติธรรม สร้างสั่งสมความดี เพียรงดละเว้นความชั่ว เชื่อว่าท่านจะไม่ตกทุกข์ได้ยาก ทุกอย่างจะคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี (หากมีกระแสกรรมชั่วมากยิ่งต้องเร่งแก้ไข หมั่นสร้างกุศลและความดีให้มาก เน้นการปฎิบัติ ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นสำคัญ พระเจ้าจึงจะช่วยท่านได้อย่างบริบูรณ์) ขอให้พระรักษาธรรมคุ้มครองทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ทั่วกัน
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
บุญกุศลใดที่เกิดจากการเล่าประวัติของเธอผู้นี้และจากการเผยแผ่ธรรมจากเรื่องนี้ ขอน้อมจิตจำนงมุ่งตรงถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ทั่วทั้งแสนโกฎิหมื่นจักรวาล โดยเฉพาะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้แด่พระองค์พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาอย่างที่สุดพระพุทธเจ้าค่ะ และขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับทุกดวงจิตวิญญาณและสัพสัตว์ทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องนี้ทุกท่านโดยทั่วกันเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

เรื่องที่ 1 พระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ โปรดให้การช่วยเหลือลูกกตัญญู

ดิฉัน ขอถวายพระพรและ ขออนุญาตจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้า พระองค์เป็นผู้เปี่ยมล้นด้วยกระแสแห่งความรักและความเมตตาที่มีให้แก่สัตว์โลกทั้งหลายอย่างที่สุดไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้ ดิฉันจะขอเล่าประสพการณ์ชีวิตของผู้ปฎิบัติธรรม ที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเคารพศรัทธาในพระแม่กวนอิม ถ่ายทอดเป็นประสพการณ์ให้กับเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายได้รับรู้ว่า บุญมีจริง พลังแห่งความดี และพลังแห่งศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพียงท่านศรัทธาจริง ปฎิบัติจริง ทุกอย่างย่อมคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี และที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้นแน่นอน
และที่สำคัญกว่านั้นจุดประสงค์ของการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆนี้ เพื่อบูชาพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า บูชามหาเทพ มหาพรหม บรมครูทุกพระองค์ บูชาบิดา-มารดา และเทวดาทุกชั้นวิมาน บูชาคุณงามความดี บูชาศีล-บูชาธรรม ดังนั้นเมื่อเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์เช่นนี้ ขอให้งานเขียนของดิฉันจงสำเร็จประโยชน์ทุกประการเทอญ และหากมีสิ่งหนึ่งอันใดผิดพลาดขอให้สิ่งศักดิ์ทั้งหลายได้โปรดให้อภัยและอดโทษแก่ดิฉันด้วยเถิด พร้อมทั้งได้โปรดเมตตาดลจิตดลใจ ชี้ทางแห่งปัญญาให้เกิดในบัดดลเพื่อถ่ายทอดประสพการณ์บุญให้บรรลุผลแห่งความดีทุกประการ เทอญ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
เรื่องที่ 1 ความกตัญญู เป็นเลิศที่สุดแห่งการปฎิบัติธรรม แม้แต่องค์สมเด็จพระภควันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ท่านยังเสด็จไปโปรดพระมารดาบนสวรรค์ไปแสดงธรรมให้พระราชมารดาได้รู้ตามในพระธรรมนั้น ตามที่เราได้ศึกษามาในพระพุทธศาสนาและมีน้ำพระทัยอันงดงามที่จะไปโปรดแก่พระบิดา และพระญาติ ตลอดจนถึง ครูบาอาจารย์ และปัญจวัคคีทั้ง ๕ ผู้เคยปฎิบัติ อุปถัมถ์ เมื่อครั้งยังบำเพ็ญทุกขกริยาอยู่ พระองค์ท่านไม่เคยลืมบุญคุณใคร มีแต่คิดจะทดแทนบุญคุณนั้นตลอดเวลา ด้วยการประกาศพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วให้เขาเหล่านั้นได้รู้ตาม เพื่อการหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ไม่สามารถจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบเทียมได้เลย พระองค์ทรงแสดงธรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยความกตัญญูไว้หลายเรื่อง ดังที่เราพอทราบแล้ว ส่วนพระประวัติของพระแม่กวนอิมเจ้าพระมหาโพธิสัตว์ผู้ยอมสละแขนทั้งสองและดวงตาทั้งสองของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตพระราชบิดาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพยามัจจุราช โดยไม่เสียดายชีวิตหรือกลัวว่าตนจะต้องกลายเป็นคนพิการแต่อย่างใด จนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ในที่สุดนั่นเอง โอม มณี เปมา ฮูง สำหรับบุคคลที่จะกล่าวถึงนี้ ขอสงวนนามของเจ้าของเรื่องเพื่อสะดวกในการเผยแพร่ธรรมสืบไป
15 ปี ที่ผ่านมา ณ. บ้านหลังหนึ่งย่าน อำเภอบางเขน กทม. มีสตรีนางหนึ่ง อายุประมาณ 30ปี เป็นบุคคลที่ชอบการปฎิบัติธรรมและพยายามที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติธรรมให้เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ เธอผู้นี้มีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ได้มีอะไรโก้หรู ทางบ้านก็ทำการค้าระดับปานกลาง แต่เหตุมีอยู่ว่า ผู้เป็นบิดาของเธอผู้นี้ได้ไปทำเรื่องกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาทำกิจการบ้านเช่า โดยนำที่ดินไปทำจองนองกับธนาคาร และให้บุตร-ธิดาเป็นผู้ค้ำประกัน ได้เงินกู้มาประมาณ ๕,000,000 (ห้าล้านบาท) ผ่อนชำราะ ๕ ปี
เรื่องมันน่าจะดีไม่มีปัญหาแต่มันไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากที่ผู้เป็นบิดาได้รับการอนุมัติเงินกู้จากธนาคารมาแล้วและพร้อมกับรับเงินก้อนแรกเพื่อนำมาทำการก่อสร้างอาคารดังกล่าว เธอผู้นี้ได้สังเกตเห็นบิดาของตนดูไม่มีความสุข ทานข้าวได้น้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ (ปกติมักจะนอนพักผ่อนตอนกลางวัน) และตอนกลางคืนตื่นบ่อยกว่าปกติ แต่ที่เห็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในบุคคลิกของผู้เป็น บิดา คือท่าก่ายหน้าผาก กับท่าถอนหายใจ เธอเฝ้าดูอยู่ประมาณ ๒ อาทิตย์จึงตัดสินใจคุยกับท่าน ได้รับคำตอบว่า “กลุ้มใจ ที่ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องลำบากมาเซ็นคำประกันหนี้ให้พ่อ และ เงินกู้ก้อนนี้ก็มากด้วย อีกทั้งไม่เคยทำกิจการบ้านเช่า ไม่รู้ว่าจะดีไม๊ กังวลหลายอย่าง (และพอดีช่วงนั้นมีปัญหาวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา กับคนงานก่อสร้างเล่นตัว เนื่องจากว่าจ้างรับเหมาเฉพาะค่าแรง) เธอผู้นั้นรู้สึกสงสารบิดามาก เพราะท่านทั้งไม่กินและไม่นอน ดูซูบลง แววตาผู้เป็นพ่อมีความกังวลตลอดเวลา หลังจากนั้น ๓ วัน จึงตัดสินใจว่า ตนจะปฎิบัติธรรมอย่างเคร่งถวายบุญเป็นพุทธบูชา และขอให้บุญกุศลนั้นตอบแทนบิดาของตนให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้โดยเร็วที่สุด เธอได้บอกผู้เป็นบิดา และญาติของเธอว่า ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจะปิดวาจา ถือศีล ๘ ทานเจนุ่งขาวห่มขาว และสวดมนต์ตลอดค่ำคืน ตั้งแต่ เที่ยงคืนไปยันรุ่งสว่าง ห้ามผู้ใดรบกวนและขอร้องให้ผู้เป็นพี่สะใภ้ ทำกับข้าวเจให้ทุกวัน โดยที่ไม่ให้เหตุผลอย่างใดกับใครทั้งสิ้น ยกเว้นผู้เป็นบิดาเพียงผู้เดียวโดยขอร้องว่าไม่ให้บอกใคร “การปฎิบัติธรรมครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไม๊ แต่ลูกเชื่อมั่นในความศักดิ์ของพระผู้เป็นเจ้าและเชื่อมั่นในความกตัญญูของลูก ขอให้พ่อเก็บเป็นความลับด้วย
เธอเริ่มปฎิบัติตั้งแต่วันนั้นโดยเข้าห้องพระจุดธูปอธิฐานจิตตามที่ตั้งใจ ขอให้พระโปรดประทานความเมตตาให้เกิดหนทางในการปลดหนี้ให้พ่อด้วยเถิด แล้วตนจะทานเจให้ตลอด ๗ วันนี้ พร้อมบำเพ็ญตบะบารมี สวดมนต์ต่อเนื่องไม่หยุดตลอดเวลาในขณะที่เข้าที่ปฎิบัติหน้าพระ จนกว่าเทียนทั้ง ๙ เล่มที่ใช้ประกอบการสวดมตน์ในแต่ละคืนจะหมดเล่มโดยไม่ทำให้ดับแต่จะให้เทียนดับเองและจะไม่ลุกจากที่ผ้าปูนั่งเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในแต่ละวันใช้เวลาประมาณ ๙ ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง ในคืนแรกเธอสวดมนต์บท พาหุง มหากา จนสว่าง ขณะที่พักผ่อนในเช้าวันนั้น เธอรู้สึกเหมือนมีคนมาบอกว่า ให้สวดมนต์บท มหากรุณาธรณีสูตร ของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ พระแม่รอให้การช่วยเหลืออยู่ ครั้งแรกเธอไม่เชื่อและคิดว่าตนไม่ถนัดกับพระคาถาบทนี้ แต่ก็ลองสวดดู และตั้งจิตอธิฐานว่า “หากการแสดงกตัญญูกตเวทิตาของลูกนี้สำเร็จสามารถช่วยพ่อของลูกได้ ขอให้เทียนอย่าดับเลยแม้แต่เล่มเดียวตลอดทั้ง ๗ วัน ๗ คืน” เมื่อเวลาผ่านไป จนวันที่ ๗ มาถึง ในเช้าของวันที่ ๘ เธอผู้นั้นก็ยังคงนั้งสมาธิต่อเพื่อแจ้งต่อพระเจ้าว่า ครบ ๗ วันแล้วจะขอพักผ่อน ส่วนคืนนี้จะขอเพียงนั่งสมาธิเท่านั้น แต่จิตในจิต เหมือนมีคนมาคุยด้วยว่า เธอจะต้องละเว้นเนื้อสัตว์ไม่นำเนื้อสัตว์มาเป็นอาหาร และหมั่นสวดมนต์ภาวนา ปฎิบัติธรรมให้มากขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น เธอคิดว่าคงคิดไปเองแต่ก็รับปากไปว่าถ้าสำเร็จจริงก็จะปฎิบัติให้ และขอให้ได้ทรัพย์มากพอที่จะปลดหนี้ให้กับพี่น้องตนด้วยรวม ๖ คน หลังจากนั้น ๓ วันมีคนมาขอซื้อที่ดินของพ่อที่พระโขนงซึ่งเป็นที่รกร้าง โดยบอกว่ามีคนให้ที่อยู่มาเป็นชายแก่อายุประมาณ ๗๐ ปี ขี่จักรยานสวนทางกับผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อถามว่ามีใครจะขายที่แถวนี้บ้างไม๊ ต้องการซื้อไว้ทำโกดังลุงก็หยิบกระดาษเก่าๆ (เก่าจนเหลือง) มีชื่อของเธอผู้นั้นพร้อมที่อยู่ แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และผู้ซื้อก็มาตามที่อยู่ จนพบกัน ตกลงซื้อขายภายใน ๑ ชั่วโมง วางมัดจำอย่างไม่ต้องทำใบรับเงินและเทเงินสดภายใน ๗ วัน ที่กรมที่ดินเป็นอันหมดหนี้ทั้งปวง (คงสงสัยว่าทำไมง่ายจัง เพราะเธอเล่าเรื่องของเธอให้ชายผู้นั้นฟัง ทั้งยังบอกด้วยว่า เธอไม่เคยให้ที่อยู่กับใครเลย และชื่อที่อยู่ในกระดาษเป็นชื่อใหม่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาแต่กระดาษที่เขียนมานั้นก็ไม่ใช่ลายมือเธอกับอายุกระดาษก็คงนานมากแล้ว ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ผู้เป็นบิดาเป็นเจ้าของที่ดินต่างหาก เขาผู้นั้นกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเขาต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่จะได้ที่ดินแปลงนี้ไป เพราะถ้าเป็นจริงเขาคิดว่าลุงคนนั้นคงเป็นเทวดาจำแลงแน่นอน) และหลังจากนั้นอีกไม่นานประมาณไม่ถึงเดือน ก็มีคนมาของซื้อที่อีกแปลง อย่างง่ายดายเทเงินสดทันทีเช่นกัน รวมได้เงินมา ๑๕ ล้าน รวมความทั้งหมดตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญเพียรและจนกระทั้งได้รับความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าแล้วไม่เกิน ๒ เดือนทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นกำลังใจให้เธอผู้นั้น เชื่อว่า บุญ-บาป มีจีริง สิ่งศักดิ์- เทพเจ้า-พระโพธิสัตว์มีจริง
นี่เป็นกำลังใจแรกให้แก่บุคคลอื่นๆอีกมากมายที่ยังคลางแคลงสงสัยว่า บุญมีจริงหรือไม่ เทพยดามีจริงหรือไม่ และทำดีได้ดีจริงหรือเปล่า ขอเพียงท่านศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า พระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ปฎิบัติธรรม สร้างสั่งสมความดี เพียรงดละเว้นความชั่ว เชื่อว่าท่านจะไม่ตกทุกข์ได้ยาก ทุกอย่างจะคลี่คลาย ร้ายกลายเป็นดี (หากมีกระแสกรรมชั่วมากยิ่งต้องเร่งแก้ไข หมั่นสร้างกุศลและความดีให้มาก เน้นการปฎิบัติ ทั้งกาย วาจา ใจ เป็นสำคัญ พระเจ้าจึงจะช่วยท่านได้อย่างบริบูรณ์) ขอให้พระรักษาธรรมคุ้มครองทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้ทั่วกัน
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก
บุญกุศลใดที่เกิดจากการเล่าประวัติของเธอผู้นี้และจากการเผยแผ่ธรรมจากเรื่องนี้ ขอน้อมจิตจำนงมุ่งตรงถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ทั่วทั้งแสนโกฎิหมื่นจักรวาล โดยเฉพาะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้แด่พระองค์พระผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาอย่างที่สุดพระพุทธเจ้าค่ะ และขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับทุกดวงจิตวิญญาณและสัพสัตว์ทั้งหลายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเนื้อเรื่องนี้ทุกท่านโดยทั่วกันเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม