วันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

การบูชาพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

การบูชาพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
การบูชา มีสอง อย่าง
1. อามิสบูชา 2. ปฏิบัติบูชา
ดังนั้นไม่ใช่เหตุผลใดที่จะไม่สามารถบูชาได้
1. บูชาแบบอามิสบูชา คือการบูชา สิ่งศักดิ์ที่ตนเคารพด้วย ข้าวของต่างๆ ที่ตนมี ตั้งต่น้อยที่สุดไปจนถึงมากที่สุดด้วยใจเคารพบูชาและศรัทธาอย่างยิ่ง อันจะยังประโยชน์แก่พระศาสนาให้สามารถดำรงอยู่ได้สืบไปนานเท่านาน เช่น ปัจจัย 4 ทั้งหลาย ให้แก่ผู้ปฏิบัติธรรมอาทิ พระสงฆ์ แม่ชี พราหม์ ผู้รักษาศีล และศาสนาสถาน อุปกรณ์ในการประกอบการดำรงอยู่ของศาสนาทั้งมวล ได้แก่การสละข้าวปลาอาหาร คือการใส่บาตร เป็นต้น สร้างโบสถ์ วิหาร กุฎิ ให้ทุนการศึกษาพระเณร แม่ชี ผู้ศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏก ช่วยเหลือเด็กหรือผู้ที่ทำงานอยู่ในวัด หรือสถานธรรม เป็นต้น (กล่าวโดยย่นย่อ) และการจัดพิมพ์หนังสือ จักทำสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะทั้งหลายนั้นๆ ด้วยและการช่วยเหลือคน หรือสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากทั้งหลายตามกำลังแห่งปัญญา และความสามารถของตน ขออนุโมทนากับทุกงานบุญและทุกกุศลจิตที่ บังเกิดมาแล้ว กำลังเกิดอยู่ และจะเกิดต่อไปในภาคหน้า กับทุกผู้นามทั้งในอดีต จนถึงปัจจุบันและอนาคต อันมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ รักษาพุทธศาสนาให้ดำรงสืบไป หมายจะละเว้นความชั่ว เพียรสร้างความดี ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาโดยทั่วกัน ปราถนาก้าวล่วงพ้นจากความทุกข์ หลุดพ้นจากวัฎสงสาร เข้าสู่หนทางแห่งสุขาวดี และนิพพานเป็นที่สุด สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
2. ปฏิปฎิบัติบูชา คือการปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทั่วทั้งแสนหมื่นโกฎจักรวาล ตั้งแต่ องค์สมเด็จพระปฐมบรมมหาศาสดาเจ้า และองค์สมเด็จพระสมณโคดม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา การรักษาศึล เพียรสร้างความดี ละเว้นความชั่วทั้งปวง ถ้าจะทำผิด และหรือกระทำความชั่วใดๆ อันจะเกิดเป็นกรรมแก่ตนและผู้อื่นไม่ขอทำเลยดีกว่า ความละอายต่อบาปมีในเราเสมอ ความเพียรสร้างสมความดีมีอยู่ในเราเสมอและเพิ่มพูนขึ้นทุกลมหายใจเข้า-ออก นั่นคือ ปฏิบัติบูชาขอให้สิ่งนี้มีกับเราและท่านทั้งหลายโดยทั่วกันเถิด สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ นี่คือหลักหัวใจสำคัญที่สุดของการสร้างสมบุญ การทำความดี และการก้าวล่วงความทุกข์ที่แท้จริงไม่ต้องรอชาติหน้า ไม่ต้องนึกถึงชาติที่แล้ว และไม่ต้องวิตกกังวลกับชาติอนาคต ลองคิดแล้วทำดูทันที สายฝนแห่งบุญจะตกลงสู่พื้นใจของท่านที่แห้งแล้ง ให้ชุ่มชื่น เบิกบาน ต้นบุญจะงอกเงย ออกดอกผลทันตาเห็นอย่างอัศจรรย์ใจในชั่วพริบตา ไม่ต้องรอนานทำทันทีได้ทันทีจริงๆ อิ่มบุญ อิ่มเอม และที่สุดความเคยชินแบบใหม่จะเกิดกับท่านนั่นคือ ดีจนเคยชิน แต่ไม่ติดดี เพราะเป็นผู้ให้อย่างบริสุทธิ์ ดุจมารดาให้แก่บุตร ให้ความรัก ความเมตตา ให้อาหารกายและอาหารใจ ให้ความรู้ และให้ความปลอดภัย และที่สุดคือให้อนาคตแก่ทุกคนที่เป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นคือ เป็นสุข เป็นสุขเถิด ท่านไม่ตกอบายภูมิแน่นอน การกระทำเช่นที่กล่าวนี้ ผู้ใดเคยก่อกรรมใดไว้ก็ตาม จะได้รับการอโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรทุกท่าน ผู้เป็นใหญ่ทั้ง มนุษย์ เทวดา พรหม ก็จะเข้ามามอบความรักความเมตตากับท่านและคนที่ท่านรัก พร้อมทั้งหน้าที่การงาน ความเป็นอยู่ของท่านจะเจริญก้าวหน้ารุดหน้าไม่หยุดยั้ง โรคภัยไข้เจ็บจะทุเลาเบาบางและหายได้ในที่สุด เพียงท่านตั้งใจจริงที่จะสร้างบุญเพื่อรักษาพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นนิกายใดก็ตาม สุดท้ายเมื่อเข้าใจว่า เราเกิดมาทำไม เมื่อเกิดมาแล้วต้องทำอะไร และสุดท้ายเราจะอยู่ที่ไหน นั่นคือ ปัญญาพิสุทธิ์ ที่ทุกคนควรได้ ควรมีในดวงจิตแห่งตน แล้วท่านก็ไม่ต้องมาวนเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เพราะท่านสอบผ่านแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ

โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

ปฏิหารย์และพระกรุณาจากพระแม่กวนอิม

ปฏิหารย์และพระกรุณาจากพระแม่กวนอิม
คนจำนวนมากรู้จักพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาใด เป็นชนชาติใด น้อยมากที่จะไม่รู้จัก และก็มีคนจำนวนมากหลายๆประเทศ ที่ได้รับการช่วยเหลือและได้รับพระกรุณาจากท่านเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่บุคคลทั้งหลายเหล่านั้นที่ได้รับประสพการณ์ ในอิทธิ ปาฎิหารย์นั้นๆ ก็ไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ เพราะ พระแม่กวนอิมท่านมาโปรดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ขอเพียงท่านศรัทธาอย่างที่สุด ไม่มีข้อติดสงสัย และท่านพร้อมที่จะละเว้นความชั่ว หมั่นสร้างความดีให้ยิ่งๆขึ้น สวดมนต์ภาวนาเอ่ยพระนามของท่าน โอม มณี เปมา ฮูง หรือ นำโม กวน ซือ อิม ผ่อ สัก อย่างจริงจัง ความทุกข์ทั้งหลายของท่านจะได้รับการปลดปล่อย และถ้ามีเวรกรรมใดๆ ก็จะทุเลาลง หรือ กลายเป็นอโหสิ บางท่านมีความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ยากที่จะเชื่อ หรือเกินคำบรรยาย แต่นั่นบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นก็ตระหนักและทราบว่า นั่นเป็นพระมหากรุณาจากพระแม่กวนอิมอย่างแน่นอน เพราะเวลาที่พระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าท่านช่วยใคร ท่านแสดงออกตรงไปตรงมาเด่นชัดหยั่งให้รู้ถึงจุดกลางใจของผู้รับน้ำพระทัยและได้รับการช่วยเหลือจากท่านเสมอ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ (ตั้งแต่อดีตมาโดยตลอด) มีคน หันมาปฎิบัติตามคำสั่งสอนของท่านมากขึ้นตลอดเวลา เช่น เทศกาลกินเจ หรือบางท่านก็ละเว้นเนื้อสัตว์ ตลอดชีวิต บางท่านเฉพาะมื้อเช้าของทุกวัน บางท่านเฉพาะวันพระ (ไทย – จีน) บางท่านนับเอาวันที่ตัวเกิดในสัปดาห์นั้น เช่น จันทร์ อังคาร –อาทิตย์ เป็นต้น เมื่อสอบถามแล้วได้รับคำตอบว่า ศรัทธาในเจ้าแม่กวนอิม บ้างก็ว่าได้ทำบุญ โดยการไม่เบียดเบียนเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย บางท่านบอกสุขภาพดีขี้นหลังจากงดเว้นเนื้อสัตว์เสียบ้าง บางท่านบอกใจเย็นขึ้น และหลายท่านบอกว่า ชีวิตพลิกผันดีขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ มหัสจรรย์ใจเหลือประมาณ เช่น บางคนเป็นโรคร้ายก็หายจากความทุกข์ทรมานจากโรคนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ การงาน การค้าดีขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน บางท่านครอบครัวแตกแยกก็กลับมาดีกัน (ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริงและยังมีบุญสัมพันธ์ต่อกันอยู่) ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร คลาดแคล้วตจากอันตรายอย่างปาฏิหารย์ และที่สังเกตเห็นชัดก็คือเมื่อทำเป็นประจำ บุคคลเหล่านี้ มีผิวพรรณ หน้าตา ราศี วรรณะ โหงวเฮ้ง ดีขึ้นด้วยอย่างแปลกประหลาด เดี๋ยวจะเล่าประสพการณ์ของคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากพระแม่กวนอิมให้ฟังเพื่อท่านทั้งหลายจะได้ศึกษาและอาจก่อให้เกิดปัญญา อีกทั้งได้รับ กระแสธรรม-กระแสบุญ ร่วมกันสืบไป ขอให้เราและท่านได้เจริญในธรรมด้วยกันและได้รับความเมตตา – กรุณา จากพระมหาโพธิสัตว์กวนอิมเจ้าทุกท่านเทอญ.

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม

พระมหากรุณาและความเมตตาของพระแม่กวนอิมเป็นบริสุทธิคุณ

พระมหากรุณาและความเมตตาของพระแม่กวนอิมเป็นบริสุทธิคุณ
คนส่วนมากทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า พระมหากวนอิมโพธิสัตว์นั้น ท่านมีน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ ท่านไม่ยอมเข้าสู่นิพาน ไม่ยอมสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า (ที่จริงแล้วปฐมกายของท่านเป็นชายไม่ใช่หญิง) เพราะพระปณิธานของท่านว่า ท่านจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากทุกข์ก่อน มีหลายคนสงสัยว่าจะช่วยได้จริงหรือ?
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวสักเล็กน้อย ว่า ตามความเข้าใจแล้วคิดว่าท่านต้องการให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเลิกก่อกรรมทำชั่ว รู้ธรรมะ ให้มีเมตตาจิตไม่คิดทำร้ายใคร วางอาวุธทุกประเภท แม้กระทั่งการใช้วาจาเป็นอาวุธ เมื่อมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายเลิกเบียดเบียนกัน มีแต่ความรัก ความปราถนาดีให้แก่กัน ช่วยเหลือจุนเจือกันตามกำลังความสามารถของตน ทั้งผู้ให้หวังมอบแต่สิ่งที่ดีเพื่อความสุขของกันและกัน อีกทั้งผู้รับมีคุณธรรมรู้กตัญญูกตเวทิตาต่อผู้มีพระคุณ เท่านี้ท่านคงเดินหน้าเข้าสู่พระนิพพาน หรือยอมเข้าสู่การเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป เพราะโลกทั้งหมดมีแต่ความสุข สงบ เปี่ยมไปด้วยแสงแห่งธรรม ไม่มีเสียงร้องไห้ที่โหยหวนขอความเมตตา ไม่มีน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่ต้องผจญกรรมของสัตว์ทั้งหลายอย่างหาทางออกไม่เจอ ได้แต่เจ็บปวดอย่างไม่รู้จักจบสิ้นความทุกข์ร้อนเรื่องแล้วเรื่องเล่า มันยาวนานเหลือเกิน เมื่อพวกเรารู้ว่า “เราเกิดมาทำไม” ต้องทำอะไร และจะไปไหน กันทั้งหมด โลกคงสงบสุข พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ คงกล่าว สาธุ สาธุ สาธุ กันทั่งจักรวาล และนั้นคือความสุขที่แท้จริงของทุกผู้นาม พระโพธิสัตว์เปิดอกที่กว้างใหญ่ให้เราได้ทราบถึงความใจกว้าง ใจดีมีเมตตา ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ แสดงภาพการทำความดี การโปรดสัตว์ และให้อภัยแก่ศัตรูที่คิดปองร้าย เรื่องราวมากมายกับผู้ที่เคยสัมผัสถึงน้ำพระทัยของท่านที่มอบความรักความเมตตามาให้การช่วยเหลือ ปลดปล่อยความทุกข์ และนำพาเราให้ก้าวเดินในหนทางแห่งพุทธวิถี ที่ถูกต้องอันสงบเย็น ถ้าเราเดินตาม และทำตาม ต้องได้รับความสุขที่เป็นบรมสุขแน่นอน แต่จะมีใครเข้าใจในปริศนาธรรมนั้น เพราะความเคยชินกับ การต้องได้ ต้องชนะ ต้องเด่น ต้องดัง ต้องรวย ต้องสนองความอยากที่มีมากมายก่ายกองเท่าไรก็ไม่พอ “พอ เป็นก็รวยทันตาเห็น พอ ไม่เป็นก็จนตลอดกาล”

โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์

ความเมตตาจากพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์
โอม นำโม ออ นี ถ่อ ฮุก (หรือ อา มี ทอ ฝอ) ขอบูชาพระอมิตตาพุทธเจ้า
โอม นำโม กวน ซี อิม ผ่อ สัก (หรือ โอม มณี เปมา ฮูง เป็นภาษาธิเบต)

ขอบูชาพระอวโลกิเตศวรพระโพธิสัตว์กวนอิมเจ้า หลายคนที่เกิดมาในโลกนี้ ยังหาคำตอบให้กับตนเองไม่ได้ว่า ที่แท้จริงพวกเราทั้งหลายเกิดมาเพื่ออะไรไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ล้วนหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ ประสพกับความสับสนวุ่นวายในการดำรงชีวิตตลอดเวลา ท่านที่ทุกข์น้อยก็ว่าสุขแล้ว พอทุกข์เพิ่มขึ้นก็รู้สึกทุกข์อย่างเหลือประมาณจนแทบจะสิ้นใจ ทุรนทุรายพยายามค้นหาวิธีที่จะหนีความทุกข์นั้น ก็แล้วแต่ว่าใครจะได้รับทุกข์แบบไหน คนจนก็ทุกข์แบบหนึ่ง คนที่มีฐานะปานกลางก็ทุกข์แบบหนึ่ง คนที่มั่งมีพรั่งพร้อมก็ทุกข์แบบหนึ่ง ไม่เห็นมีใครไม่มีทุกข์นอกจากมีทุกข์แล้วยังนิยมการเสาะแสวงหาความทุกข์มาใส่ตัวเพิ่มขึ้นทั้งที่รู้สึกตัวและไม่รู้สึกตัว ที่กล่าวนี้มิได้หมายถึงความทุกข์ที่เกิดจากสถาพบังคับทางธรรมชาติ คือ เกิด แก่ เจ็บ และตายเท่านั้น แต่หมายถึงการเสาะแสวงหาความทุกข์ประเภทสนองความต้องการความสุขทางใจ-ทางกายทุกประเภทด้วย อันเกิดจากตัณหาอุปทานทั้งปวง เพราะจิดใต้สำนึกแห่งความกลัวที่หลบซ่อนอยู่ภายในจิตใจเช่น กลัวความยากจน กลัวความผิดหวัง กลัวความล้มเหลว ฯลฯ กลัวแก่และกลัวตายความจริงแล้วสันชาติญาณของความกลัวแตกแยกย่อยออกไปอีกมากมาย ยิ่งกลัวมากยิ่งหาสิ่งมาสนองกิเลสมากเพื่อปกป้องตนเอง เพื่อเป็นการปลอบประโลมใจว่าสิ่งที่กลัวจะไม่เกิดขึ้น สมหวังก็ดีไป แต่ถ้าไม่สมหวังยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก พอทุกข์มากครั้งทุกข์บ่อยๆจนเกิดเป็นความเคยชินอย่างจิตไร้สำนึก อารมณ์นั้นก็ฝังรากลึกจนเป็นจิตใต้สำนึกกันไปเลยทีเดียว เกิดเป็นการบ่มเพาะกลายเป็นสันดานจนกลมกลืนเหมือนเป็นธรรมชาติ หมักหมมทวีคูณทุกภพทุกชาตินับชาติกันไม่หวาดไม่ไหว บางคนสะสมความดีจนเคยชินตามที่กล่าวมาข้างต้น บางคนสะสมความชั่วจนเคยชินเช่นกัน กรรมแสดงผลออกมาเป็นตัวตนตามภพชาติที่ไปกำเนิดนั้นๆ นี่แหละคือเหตุผลว่า เกิดมาทำไม เกิดมาแลัวต้องทำอะไร และไม่ควรทำอะไร สุดท้ายจะหยุดเกิดได้อย่างไร ถ้าเราตั้งสติให้ดีค่อยๆ ลำดับภาพชีวิต จะค้นพบสัจธรรมบางอย่าง ยกเว้นเราไม่เคยให้ความละเอียดปราณีตและมอบความเมตตาให้กับชีวิตของตนเอง มีแต่คิดว่าได้เกิดมาทั้งทีรีบหาผลประโยชน์ใส่ตัวให้มากที่สุด จริงๆแล้วเราเกิดมาทำไม? ข้าพเจ้าคิดว่า เพื่อค้นหาข้อบกพร่องทางจิตวิญญาณ เพื่อสร้างกรรมใหม่ (การละเลยการสร้างความดีมาตลอดเวลาอันยาวนานของการเวียนว่ายตายเกิด) และแก้ไขสิ่งที่ผิด (บาปที่เคยทำมา) รีบหาหนทางไปสู่ทางสว่าง สะอาด สงบ เป็นมหาปัญญาอันเลิศ คือการหลุดพ้นจากกงล้อแห่งวัฎจักร วัฎสงสาร คือ เข้าสู่นิพพานเป็นสิ่งปราถนาสูงสุดของทุกดวงจิต
ถ้าท่านศึกษาทางธรรมมาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม สิ่งที่พอจะสรุปได้คือ ธรรมะ นั้นมุ่งเน้นให้สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ได้อย่างสงบเย็น ไม่ร้อนรุ่มอันเนื่องมาจากการถูกเพลิงกิเลสตัณหาเผากาย ใจ ตะเกียกตะกายหาวิธีดับไฟกิเลสนั้นอย่างคนหูหนวก ตาบอด และใจแคบ เช่น การดิ้นรนเรื่อง ปากท้อง ชื่อเสียง เกียรติยศ ความรัก ความใคร่ ความไม่รู้จักพอ โดยอ้างถึงสังคมรอบข้างโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่น แต่ไม่เคยมองตนเองว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นที่ใจเรา นั่นคือ ตอบสนองความอยาก-ความต้องการ ปกป้องตนเองให้พ้นจากความขาดที่เติมไม่เคยเต็ม เป็นนิสัยเคยชินจนกลายเป็นขันธสันดานของตนเอง พยายามหาวิธีทำอย่างไรให้ตนเดินนำหน้าคนอื่นหรืออย่างน้อยยืนเสมอคนอื่น ลืมคิดไปว่า ตนเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ต้องเทียบกับใคร สุขใจจริงกว่า
ลองมาคิดทบทวนสิ่งนี้ดูสักตัวอย่างเช่น ความต้องการมีทรัพย์และการมีหน้าตาทางสังคม (ขอกล่าวเพียงสั้นๆให้ได้ใจความ) คุณแสวงหาทรัพย์เพื่ออะไรเพื่อข้าวปลาอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม..........หลังจากนี้เป็นความต้องการทางใจ ของที่ได้มาต้องดีกว่า เด่นกว่า ลูกหรือคนรักของตนต้องเหนือกว่า บ้านต้องหลังใหญ่กว่า รถยนต์ต้องหรูหราราคาแพงกว่า อาหารต้องวิจิตรปราณีตกว่า และบางคนในสังคมมีมากกว่านั้นเช่น แก้วแหวนเงินทองเครื่องประดับต่างๆ รวมไปถึงความฟุ้งเฟ้อในยุคปัจจุบันอาทิ โทรทัศน์จอยักษ์ โทรศัพท์มือถือสารพัดประโยชน์มั้ง? บัตรดีใจจังเป็นหนี้แล้ว! (บัตรเครดิต) เป็นต้น รวมไปถึงการสนองกิเสสแบบน่าอัศจรรย์ใจในคนบางจำพวก เช่น พวกมีเทพรักษา มีองค์คุ้มครอง ไม่ได้บอกว่าท่านไม่มีจริง และไม่ได้ยืนยันว่าท่านมีจริง เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องความเชื่อและประสพการณ์ตรงของแต่ละคน แต่ที่พบเห็นเสมอคือแต่ละคนมักกล่าวว่าเทพของตนยิ่งใหญ่กว่า แน่กว่า แรงกว่า (เรียกว่าองค์เล็กไม่ได้เดี๋ยวหาว่ากระจอกต้องระดับมหาเทพเท่านั้น เฮ่อ!) ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผู้คนส่วนมากมักเป็นเช่นนี้ ยกเว้นพระอรหันต์ พระอริยะ หรืออริยะบุคคลเท่านั้นที่รู้ทันกลเกมแห่งกรรมและการหลุดพ้นจากกลไกแห่งกรรม มีอยู่อย่างหนึ่งพอจะยกให้ท่านคิดตามได้ เช่น พระธุดงค์ หรือพระสายธรรมยุต มีกฎว่า เมื่อรับบาตรมาแล้ว ให้ฉันในบาตร และต้องสำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ให้มอง ลอบมอง ชำเลืองมองไปที่บาตรและอาหารของพระองค์อื่น เพื่ออะไรขอให้ท่านลองพิจารณาเอง ตัวอย่างง่ายๆ นี้ ถ้าเป็นเราๆ ท่านๆ ลองนำไปใช้บ้างกับการดำเนินชีวิต คิดว่าคงได้ประโยชน์มหาศาล กับโลกนี้ทั้งใบ เพราะทุกคนจะรู้จักคำว่า “พอเพียง อย่างเพียงพอ” ของแท้และของจริง! แต่เราท่านมีนิสัยเคยชินคือ ชอบแอบมอง แอบคิด แอบทำ ชอบเปรียบเทียบนั่นจึงทำให้เกิดเป็น ความอยาก ต้นเหตุแห่งกิเลสทั้งปวง เมื่อแอบบ่อยๆ มันก็เต็ม เหมือนน้ำเต็มแก้วก็ต้องล้นออกมา เป็นการกระทำอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสนองความต้องการ เมื่อทำบ่อยๆก็เคยชินจนไม่ต้องแอบอีกต่อไป สืบทอดเป็น DNA และวัฒนะธรรมว่า ผู้ใดมีมากกว่า(ในทุกด้านแล้วแต่บุคคล) ผู้นั้น เด่น ดัง น่านับถือ น่าเป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นหลัง จนแยกไม่ค่อยออกแล้วว่าควรทำตามเรื่องอะไรบ้าง และอะไรไม่ควรทำตาม เพราะค่านิยมที่ว่า มีมาก เด่นมาก ดังมาก จึงเป็นบุคคคลที่ควรยกไว้แถวหน้า ด้านหน้า หัวหน้า(ใคร่ครวญให้จงหนัก เน้อ!) คุณควรสำรวจตัวเองได้แล้วว่า อะไรควรทำให้ชิน อะไรควรเลิกกับความเคยชินนั้น แล้วลงมือขัดเกลา-เจียรไนเพชรในใจของเราทุกคนให้ส่งประกายสดใสดังดาวประกายพฤกกันตั้งแต่บัดนี้เถิด รักท่าน รักธรรมะ รักความสงบเย็น รักที่จะเป็นมิตรแท้ รักมนุษย์-สัตว์และรักโลกใบน้อยนี้ รักที่จะเป็นผู้รับใช้เบื้องบนพระผู้เป็นเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / อามี ทอ ฝอ ฮุก และสุดท้ายเราทุกคนควรรักตัวเองอย่างถูกต้องถูกควร พร้อมทั้งมอบความรักให้กับเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายและถนอมโลกใบนี้ไว้ให้ดีที่สุด ลองหันไปทบทวนดูว่าเรารักตัวเองจริงหรือเปล่า เช่น รักตัวเองแต่เล่นการพนัน รักตัวเองแต่ยังสูบบุหรี่เล่นยา กินเหล้า เที่ยวกลางคืน รักตัวเองแต่นิยมการสร้างศัตรูชอบว่ากล่าว ปองร้าย และมุ่งร้ายผู้อื่น รักตัวเองแต่ยังทำร้ายคนที่เรารัก สามี ภรรยา บุตรของตน และรักตัวเองแต่ยังแต่ละโมบโลภมากโกงกินแผ่นดิน ยุแหย่ให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวและหรือประเทศชาติ ถ้ารักตัวเองจริง ต้องโอบอ้อมอารี ผูกมิตร เมตตา กรุณา ปราณี ปราถนาดีพร้อมเสียสละและให้การช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งคนและสัตว์ ซื่อสัตย์จงรักภัคดีต่อประเทศชาติ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และซื่อสัตย์กับคนที่ตนรักนี่เขาเรียกว่ารักแท้ รักนิรันดร รักบริสุทธิ์ รักแบบผู้ให้อย่างแท้จริง ไม่แม้แต่จะคิดกระทำการใดๆที่จะทำให้ตนเองหรือคนรักของตนและบุคคลอื่นใดก็ตามต้องตกระกำลำบาก ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางใจก็ตาม ศรัทธาการทำความดีศรัทธาที่จะละเว้นความชั่วทั้งปวง (ไม่ก่อกรรมทำเวรกับใคร หากกระทำเช่นนี้ แม้กรรมเก่ามีก็ได้รับการอโหสิเพราะเจ้ากรรมนายเวรอนุโมทนาบุญกับท่าน รับรองชีวิตของท่านจะเจริญรุ่งเรืองและร่มเย็นแบบทันตาเห็น)

โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง โอม มณี เปมา ฮูง / นำโม อามี ทอ ฝอ ฮุก

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม