วันพฤหัสบดีที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

กรรมะกับชีวิต : กรรมรักษา

กรรมรักษา ฟังดูไพเราะดี น่าจะมีความหมายที่ดี แต่คำว่า “กรรม” นั้นเป็นคำกลางๆไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดีแต่อย่างไร คำว่า “กรรม” แปลว่าการกระทำ ซึ่งหมายถึงการกระทำทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว รวมเรียกว่ากรรมทั้งสิ้น และตัวการกระทำที่ก่อให้เกิดกรรมนี้ยังแยกย่อยออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ อีก คือ

กรรมที่เกิดจากการกระทำทางกาย กรรมที่เกิดจากการกระทำทางวาจา และกรรมที่เกิดจากการกระทำทางใจซึ่งหลายๆ ท่านก็คงทราบเป็นอย่างดีแล้วว่า นั้นคือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมนั้นเอง ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่นี่คือ ต้นเหตุ ต้นเรื่อง ของการวนเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ทั้งหลายทั้งสิ้นในโลกนี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนตลอด 45 พระพรรษา ก็เรื่องใหญ่ 3 ข้อนี้เท่านั้น คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมไม่ได้กล่าวอย่างอื่นนอกจากนี้เลย รวมเรียกว่า กรรม กฏแห่งกรรม วงเวียนกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และที่สุดสรุปถึงความไม่ประมาทในกรรมนั้นเอง เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว เราก็ควรสำรวมกาย วาจา และใจให้จงดีอย่าได้ประมาทในการกระทำของตนว่า คงไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เพราะทุกอย่างที่เราทำถูกบรรทึกไว้อย่างละเอียดด้วยบัญชีกรรม ก้อเราอีกนั้นแหละที่จะได้รับทั้งต้นและดอกของผลกรรมนั้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เที่ยงตรง ยุติธรรมอย่างยิ่ง เราจะเป็นผู้เสวยกรรมทุกๆชาติที่เราเกิดจนกว่าจิตนี้จะเป็นผู้กระทำกรรมขาว กรรมสะอาดจึงหมดกรรม

กรรมดีจะส่งผลให้เราได้รับผลดี กรรมชั่วจะส่งผลให้เราได้รับผลชั่ว โดยที่ตัวกรรมไม่ได้ท้าวความแต่หนหลังให้เราได้ทราบล่วงหน้าว่า ต่อไปนี้ท่านจะต้องได้รับกรรมประเภทไหน พอรู้ตัวเราก็เสวยกรรมนั้นอยู่อย่างเอร็ดอร่อยแล้ว เป็นประเภทกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียด้วยวิ่งโล่หาวิธีแก้กรรมกันยกใหญ่ แต่ถ้าเราได้ศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าเราก็จะอยู่กับกรรมทุกๆประเภทอย่างมีสติ และยิ้มได้อย่างเบิกบาน ปล่อยจิตว่าง และปล่อยวางกับความตึงเครียดต่างๆได้อย่างมีปัญญา แก้ไขปัญหาอย่างผู้มีสติและมีความหวัง ชีวิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกเดินเรียบ เดินสะดวกไม่สะดุดกรรม บางท่านกำลังจะได้รับกรรมดีผลดีแต่กลับต้องเจออุปสรรคหรือต้องออกเหงื่อก่อนจึงจะได้รับความสำเร็จนั้นก็เพราะกรรมชั่วมาตัดรอนกรรมดี แต่บางท่านกำลังพบปัญหาใหญ่อุปสรรคมากมายเข้ามาย่ำยีชีวิต แต่แล้วกลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์นั้นก็เพราะกรรมดีเข้ามาตัดรอนแรงกรรมชั่ว แล้วกรรมตัดรอนทั้งหลายเหล่านี้มาจากไหนน่ะหรือ ก็มาจากตัวเรานี้นั่นเอง ที่สร้างไว้มานับชาติไม่ถ้วน หมุนเวียนเปลี่ยนไปมาจนกว่าดวงจิตนี้จะเข้าสู่ความบริสุทธิ์แห่งธรรม จิตใสพิสุทธิ์ดั่งแก้วกัลปพฤกษ์ จิตของเราเดินเข้าสู่หนทางแห่งธรรมอันวิเศษ เมื่อนั้นกรรมทั้งหลายเป็นโมฆะ หมดแรงกรรม สิ้นแดนเกิด ออกจากวัฏฏสงสาร

เมื่อไหร่ท่านทั้งหลายจึงจะฉลาดในการสร้างกรรม มีปัญญาอันสว่างไสวนำพาดวงจิตของท่านเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเสียทีเจ้าคะ

- ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา พระตถาคต (ธรรม คือ อะไร) - ผู้ที่ยังประมาทอยู่ชื่อว่า “ผู้ไม่มีปัญญา”

ทุกวันนี้เราเป็นผู้กลัวกรรมเป็นอย่างยิ่ง “กรรม” คือการกระทำ ดังนั้นเราจึงเป็นผู้พิจารณากรรมก่อนกระทำกรรมใดๆลงไป เพื่อไม่เป็นผู้ประมาทในกรรม แล้วท่านหล่ะกลัวกรรมหรือยัง ผู้มีการกระทำที่ดีและหมั่นสร้างแต่กรรมดี ผู้นั้นย่อมได้รับผลของกรรมดีเป็นสิ่งตอบแทนในที่สุด ถึงแม้จะมีกรรมชั่วมาตัดรอนบ้างแต่ก็ไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ไม่ประมาทในกรรมนั้น เนื่องเพราะอำนาจแห่ง คุณศีล คุณธรรมที่รักษาท่านนั้นเอง.

แก้วเกษม ศรัทธาโพธิธรรม

ใบมีดโกนคมบาดใจยังไม่เท่าความคมของน้ำคำบาดจิต

ความคมของใบมีดโกนนั้นมีความคมมาก เมื่อโดนบาดเนื้อย่อมเจ็บปวดและเกิดรอยแผลไว้ให้ดูต่างหน้า แต่ไม่นานวันความเจ็บปวดนั้นก็หายไป ส่วนความคมของน้ำคำที่เข้ามาบาดใจนี่สิเจ็บปวดยิ่งกว่า สร้างความทุกข์ทรมานให้กับเจ้าของจิตใจที่ถูกคมคำนั้นบาดได้ไม่รู้ลืม หลายสิ่งหลายอย่างในโลกใบนี้เกิดขึ้นและถูกทำลายลงในชั่วพริบตา แม้กระทั่งการทำลายชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมโลกของเรา มีสาเหตุมากจากความคมของน้ำคำที่บาดใจทั้งสิ้น

ได้สมหวังในความรัก หรือ ได้รับความเกลียดชัง อาฆาตแค้น ก็เพราะต้นเหตุมาจาก “น้ำคำ” ทั้งสิ้นลองพิจาระณากันดู.

แก้วเกษม ศรัทธาโพธิธรรม

กรรมะกับชีวิต : เรื่องที่ 1 วิญญาณเกาะหลัง

เมื่อไม่นานมานี้ดิฉันได้สนทนากับหญิงสาวท่านหนึ่งอายุน่าจะอยุ่ประมาณ 38 – 40 ปี เธอเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว เราสนทนากันหลายเรื่องจนกระทั่ง มาถึงเรื่องของสุขภาพ เธอเล่าว่า ประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมาเธอมีโรคประจำตัวอยู่โรคหนึ่ง คือ ปวดหลัง มันเจ็บมากขนาดไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เลย เพราะหลังแข็งและเจ็บเข้าไปถึงหัวใจทีเดียว อาการนี้มักจะเป็นตอนตื่นนอน เธอต้องค่อยๆตะแคงข้างค่อยๆขยับตัวจนกว่าจะลุกขึ้นได้ และจะปวดอยู่อย่างนี้เกือบทั้งวันแต่อาการไม่รุนแรงเท่าตอนตื่นนอนใหม่ๆ พอเล่ามาถึงตอนนี้เธอก็กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาเธอพบกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตมากมายจนท้อแท้ หัวใจอ่อนแอไปหมด จึงหันหน้าเข้าหาพระธรรม โดยเริ่มจากการหาบทสวดมนต์มาสวดทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน หมั่นทำบุญให้ทานมากขึ้น เริ่มศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมหรือเข้าวัดแต่อย่างใด การสวดมนต์คือสิ่งที่เธอถูกจริตที่สุด และทำอย่างมีใจจดจ่ออยู่ในพระคาถานั้น เริ่มด้วย บูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล 5 อิติปิโส ถวายพรพระ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก ชินบัญชร บทสรรเสริญเจ้าแม่กวนอิม และแผ่เมตตาทั้งอย่างปกติ และอย่างยาวโดยเฉพาะบทแผ่เมตตาแบบของ แม่ชีทศพร แต่จุดสำคัญของเรื่องคือ

อาการปวดหลังของเธอหายไปอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ หลังจากที่ทำอย่างนี้ไม่นานเพียงอาทิตย์แรกๆเท่านั้น ซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นเพราะอานุภาพของ การสวดมนต์แน่นอน เธอเล่าว่า วันหนึ่งเธอได้พบบุคคลคนหนึ่งซึ่งมีจิตสัมผัสกับเรื่องวิญญาณได้ (เธอไม่ได้เล่าอาการปวดหลังของเธอให้เขาฟัง) เขาบอกเธอว่า มีวิญญาณมาเกาะอยู่ที่หลังของเธอนะ ในขณะนั้นสิ่งแรกที่เธอคิดคือ ต้องเป็นวิญญาณบิดาของเธอแน่นอนเพราะก่อนที่บิดาของเธอจะเสียชีวิตนั้น ท่านเป็นอัมพาตนอนนิ่งไม่สามารถจะขยับตัวได้ และก่อนที่บิดาของเธอจะเสียชีวิตเพียงไม่กี่วันเธอได้กลับบ้านไปเยี่ยมบิดา ที่ อำเภอ ปากช่อง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ และเห็นว่าบิดาคงอยากจะขยับตัวบ้างจึงยกบิดาขึ้นนั่ง เธอเห็นท่าทางและแววตาของท่านดูมีความสุขและตื่นเต้นที่ได้นั่ง หลังจากนั้น 2 -3 วันเธอก็ได้รับข่าวว่า บิดาตกจากที่นอนเสียชีวิตแล้ว จากเหตุการณ์นี้ทำให้เธอเสียใจมาก เพราะเธอคิดว่าตนเป็นต้นเหตุให้บิดาเสียชีวิต ญาติพี่น้องของเธอบอกว่า หลังจากวันนั้นที่เธอช่วยยกร่างของบิดาให้นั่งแล้ว บิดาของเธอก็พยายามสื่อบอกให้คนในบ้านยกท่านนั่งอีก แต่ไม่มีใครตามใจท่าน และสุดท้ายท่านคงพยายามที่จะลุกเองจึงทำให้ตกจากที่นอนและไม่มีคนเห็น พอมาพบก็สิ้นใจเสียแล้ว และนี่อาจเป็นจิตที่คิดถึงผูกพันธุ์กันก็ได้ จึงทำให้วิญญาณของบิดามาอยู่กับเธอ หญิงสาวคิดเช่นนั้น แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตุว่า วันไหนถ้าไม่สวดมนต์ หรือสวดมนต์แล้วไม่ครบถ้วนอย่างเคย หรือ ไม่แผ่เมตตา เช้าวันต่อมาหลังของเธอก็จะเจ็บขึ้นมาอีก บางครั้งมากกว่าเก่าเสียด้วย นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอสวดมนต์ทุกวันไม่ขาด และเริ่มเชื่อในเรื่องของจิตวิญญาณ และกฏแห่งกรรม เธอบอกว่า เธอรักพ่อมาก และไม่โกรธพ่อเลย ดีใจเสียด้วยซ้ำไป ที่ได้มีส่วนช่วยเหลือพ่อ ได้แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้พ่อทุกวัน สงสัยและเสียใจอยู่เล็กน้อยเท่านนั้นเองว่า บุญกุศลที่เธอสร้างนี้จะช่วยให้พ่อของเธอพ้นทุกข์ได้เมื่อไร และเธอไม่รู้ว่าใครคือ เจ้ากรรมนายเวรของพ่อ ถ้ารู้เธอจะได้ช่วยแผ่เมตตาส่งไปให้ด้วย เพื่อพ่อจะได้ไปสุขคติพ้นจากกองทุกข์เสียที

ดิฉันบอกกับเธอว่า เมื่อเราเติมน้ำใสลงสู่น้ำขุ่นทุกวัน เติมแต่น้ำที่ใสสะอาดตลอดเวลาไม่มีวันหยุด ในที่สุดน้ำขุ่นในภาชนะนั้นก็จะกลายเป็นน้ำใสได้ แม้จะมีเศษฝุ่นตะกอนหลงอยู่บ้างก็เพียงเล็กน้อยเต็มที เช่นเดียวกับ กรรม เมื่อเราสร้างสมแต่สิ่งที่ดีๆ ที่สะอาดบริสุทธิ์ และศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง กรรมชั่วก็จะหยุดให้ผลไปเอง ที่เหลืออยู่คือ ความสงบร่มเย็น และความเป็นอิสระต่อกรรมนั้นๆ ขอธรรมจงรักษาผู้ประพฤติธรรมทุกท่าน.

เกษแก้ว ศรัทธาโพธิธรรม