การบรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้
1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก ' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ' จิตประภัสสร ' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '
2. อย่ามัวแต่คิดริษยา ' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน ' คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร ' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟสุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อนเราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราร ิษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป
3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น ' มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน ' ' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา
4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ ' ตัณหา ' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ควา มอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม ' ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรูคุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า ' เิกิดมาทำไม ' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย ์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอคำว่า ' พอดี' คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ' ดี ' รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่าง
ธรรมะเพื่อเผยแผ่ธรรมะสายพระโพธิสัตว์ โดยเฉพาะอันเกี่ยวกับความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระโพธิสัตว์กวนอิม และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นสัจจะจริงอีกทั้งเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ศรัทธาในการทำความดีต่อไป สนใจส่งบทความได้ที่ : keawkasem@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
วันพุธที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓
สายสัมพันธ์แห่งรักแท้
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกทรงกลมเหมือนผลส้มใบนี้ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม ล้วนมีความผูกพันธ์กันทั้งสิ้น เวลาเป็นเครื่องกำหนดความเป็นไปของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงและในสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นยังมีลีลาเฉพาะตนอีกด้วย ซึ่งแต่ละลีลายังโยงใยสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเสมอ ไม่มีแม้แต่สิ่งเดียวที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับสิ่งใดๆเลยได้ สิ่งที่โดดเดี่ยวนั้นมันอยู่ไม่ได้ต้องสลายไปในที่สุดในทันที ดังนั้นทุกๆสิ่งบนโลกและนอกโลกล้วนถูกผูกเข้าด้วยกันด้วยเวลา และลีลา ผูกพันธ์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนแยกไม่ออกทั้งสิ้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาผู้รู้แจ้งโลก ได้ค้นพบความลับในข้อนี้ พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดอย่างยิ่ง และด้วยความเป็นเอกเลิศทางปัญญาของพระองค์จึงทำให้โลกรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดจะสามารถอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวอย่างไม่แยแสผู้อื่น และอยู่อย่างเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้แต่เพียงผู้เดียว พระองค์ทรงประกาศธรรมะนี้ต่อโลกเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว แม้เวลาจะผ่านมานานสักปานใดธรรมะของพระองค์ก็ยังทันสมัยและยังใช้ได้อยู่เสมอมา ข้อศีลข้อวัตรต่างๆที่พระองค์ทรงวางไว้ก็ล้วนแต่เป็นข้อธรรมที่ทำให้เกิดการอยู่ร่วมอย่างสันติสุข มีความราบรื่นในการดำเนินชีวิต เป็นสิ่งที่เมื่อผู้ใดปฏิบัติตามย่อมอยู่เป็นสุขในทุกที่ ข้อศีลและข้อธรรมที่ควรรู้ควรปฏิบัติเริ่มแต่ ศีล 5 ธรรม 5 ก็เพื่อความเป็นไปอย่างปกติและเป็นสุขอยู่ทุกเมื่อของทุกชีวิตทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกที่ต้องอยู่ร่วมกันต้องพึ่งพากันและกัน การถนอมรักษาจิตใจและรักชีวิตของกันและกันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงนั้น เป็นสิ่งมีค่าเลอเลิศสูงสุดหาสิ่งใดมาเปรียบมิได้ จริงไหมลองคิดกันดูเถิด
ดูง่ายๆความสัมพันธ์ระหว่าง แม่-พ่อกับบุตร, คุรุกับศิษฐ์,สหายกับสหาย, บ้านเรากับเพื่อนข้างบ้าน, ประเทศชาติของเรากับอาณามิตรประเทศต่างๆ, และอีกสิ่งที่สำคัญที่ลืมไม่ได้ คือ ธรรมชาติกับชีวิต สัตว์ทั้งหลายทุกๆตัวในโลกนี้ กระทั่งยังรวมไปถึง อากาศ ผืนดิน ผืนป่า แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร หรือแม้แต่ดวงดาว พระอาทิตย์ พระจันทร์ ระบบจักรวาล ล้วนผูกพันธ์กันเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกันทั้งสิ้น สิ่งต่างๆที่กล่าวมาหากพบความเสื่อมเสียวิบัติลงเมื่อใดสิ่งต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นย่อมได้รับผลกระทบโดยทั่วกันเป็นลูกโซ่ จะมากหรือน้อยแล้วแต่เหตุปัจจัยที่เป็นส่วนประกอบของสิ่งนั้นๆ อย่างเหตุการณ์ทางภัยธรรมชาติเป็นต้น สาเหตุหนึ่งเกิดเพราะความไม่เที่ยงที่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อีกสิ่งคือ ความเห็นแก่ตัวของกลุ่มคนหรือตัวบุคคลต่างๆ ที่เขาเกิดมาเพื่อทำชั่วเพื่อการกอบโกย เอาแต่ได้ใครจะเดือดร้อนไม่สนใจเปรียบเหมือนสัตว์นรกหนีมาเกิดก็ว่าได้ แต่ถ้า!เรารู้จักเป็นผู้ให้ เป็นผู้มีศีลธรรมรักษากายและจิต รู้จักละอายใจเมื่อคิดชั่ว และเกรงกลัวต่อการทำชั่วไม่กล้าลงมือกระทำความชั่วนั้นเพราะเชื่อในบาปบุญคุณโทษ ทุกอย่างก็เป็นความเมตตากรุณาปราณีต่อกัน ถนุถนอมกายใจของตนเองและผู้อื่นมิให้เจ็บช้ำ ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ทำลายล้างไม่คิดร้ายทำลายใครเพราะสงสารเขาเห็นคนอื่นเปรียบดังเป็นเช่นบุตรอันเป็นที่รักแห่งตน และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ทุกคนล้วนมีความเมตตา มีความปราถนาดีที่จะมีให้แก่กัน ความสงบสุขความร่มเย็นย่อมมีขึ้นกับทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ ถ้าเป็นอย่างนี้เชื้อแห่งโพธิความเป็นโพธิสัตว์เบื้องต้นย่อมเกิดแก่เราทุกคนได้ เนื่องจากเราเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้ขอ เพราะเราทั้งหลายย่อมไม่คิดร้าย ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่อาฆาตพยาบาทไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่คิดจะทำให้ใครสิ่งใดต้องฉิบหายไป ทุกคนล้วนอยากเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์และปราถนาอยากมอบความสุขให้กัน นี่แหละหนทางแห่งการได้เข้าไปสู่แดนแห่งความสงบ สว่าง สะอาด ในโลกที่ยังมีลมหายใจอยู่โดยไม่ต้องรอให้ตายก่อนแล้วค่อยขึ้นสวรรค์ เพียงพิจารณาเท่านี้สวรรค์ก็เกิดขึ้นแล้วในใจเราในทันทีนี่เอง และนี่เองคือความรักแท้จริง รักบริสุทธิ์ รักไม่เสื่อมคลาย รักชนิดสร้างสรร รักแล้วเป็นสุขปราศจากทุกข์ เพราะทุกคนอยากเป็นผู้มอบให้ มากกว่าอยากเป็นผู้เรียกร้องอยากได้ตลอดเวลา
ฝากท่านทั้งหลายลองคิดพิจารณากันดูตั้งแต่นี้เดี๋ยวเถิดว่าจริงหรือไม่ ถูกหรือเปล่า? ที่เราบูชาเงินทอง ทรัพย์สมบัติ สังคมหน้าตา ชื่อเสียงเกียตรยศ ทั้งหลายว่านั่นเป็นสิ่งที่ยอดที่สุด ความปลอดภัยเป็นสุข ความร่มเย็นเป็นสุข ความสว่างแห่งกายความสบายแห่งจิตและความเป็นปกติสุข ความปลอดภัยอยู่ทุกเมื่อ จะเกิดได้จากอะไรกันแน่ เพียงท่านยิ้มให้กับใครสักคนหนึ่งอย่างจริงใจสิ่งที่ท่านจะได้รับก็คือรอยยิ้มเช่นเดียวกัน เมื่อท่านเป็นผู้ให้อย่างจริงใจท่านก็จะได้รับการให้ตอบเช่นกัน และถ้าโลกนี้มีแต่มิตรภาพสัมพันธะจิตอันอ่อนโยน ความซื่อสัตย์สุจริตที่เปี่ยมไปด้วยเมตตากรุณาต่อกัน ย่อมนำสุขแท้มาให้เราและคนที่เรารักและบ้านของเรา โลกของเรามิใช่หรือ เมื่อนั้นไม่ว่าท่านจะนั่ง จะนอน ยืน เดินในที่ใดๆ ทุกที่นั้นย่อมเป็นสุข เป็นปกติปลอดภัย สิ่งเหล่านี้มิใช่หรือที่เราต้องการอย่างแท้จริง ท่านอาจจะเผลอพูดออกมาว่า “สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ” ก็ได้เมื่อวันนั้นมาถึง
เวลาชีวิตนั้นเหลือไม่มากพอที่จะมาสร้างลีลาอันโฉดเขลาแล้วเป่าประกาศว่า ขอโอกาสอีกสักครั้ง โอกาสนั้นไม่มีสำหรับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา และไม่เห็นคุณค่าแห่งความรักความเมตตาไม่มีโอกาสสำหรับผู้มีใจหยาบ
หากท่านขาดสายสัมพันธ์แห่งโพธิ ขาดสิ้นสัมพันธ์รักแท้ที่มาจากความเมตตา ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สุดของมนุษยชาติที่กำลังจะหมดไปในไม่ช้า โลกจะพินาศเร็วกว่าที่คิดชนิดไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้
เรามาช่วยกันสานต่อ ผูกเชื่อม โยงใยสายสัมพันธ์แห่งความรักอันบริสุทธิ์กันเถิด เริ่มตั้งแต่ตัวเรา ลูกของเรา ญาติของเรา เพื่อนของเรา และผู้คนรอบข้างเรา ที่สุดโลกของเรา เข้าด้วยกันได้หรือยัง ถ้าท่านตอบว่าได้แล้ว ท่านจงเป็นผู้ให้ความรัก ท่านจงเป็นผู้มอบความเมตตานั้นๆ อย่างอ่อนโยนและจริงใจต่อผู้ร่วมสายสัมพันธ์รักนี้เถิด นี่คือสวรรค์บนดินและสวรรค์คนเป็น อย่างแท้จริง.
แก้วเกษม ศรัทธาโพธิธรรม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาผู้รู้แจ้งโลก ได้ค้นพบความลับในข้อนี้ พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดอย่างยิ่ง และด้วยความเป็นเอกเลิศทางปัญญาของพระองค์จึงทำให้โลกรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดจะสามารถอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยวอย่างไม่แยแสผู้อื่น และอยู่อย่างเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้แต่เพียงผู้เดียว พระองค์ทรงประกาศธรรมะนี้ต่อโลกเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว แม้เวลาจะผ่านมานานสักปานใดธรรมะของพระองค์ก็ยังทันสมัยและยังใช้ได้อยู่เสมอมา ข้อศีลข้อวัตรต่างๆที่พระองค์ทรงวางไว้ก็ล้วนแต่เป็นข้อธรรมที่ทำให้เกิดการอยู่ร่วมอย่างสันติสุข มีความราบรื่นในการดำเนินชีวิต เป็นสิ่งที่เมื่อผู้ใดปฏิบัติตามย่อมอยู่เป็นสุขในทุกที่ ข้อศีลและข้อธรรมที่ควรรู้ควรปฏิบัติเริ่มแต่ ศีล 5 ธรรม 5 ก็เพื่อความเป็นไปอย่างปกติและเป็นสุขอยู่ทุกเมื่อของทุกชีวิตทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกที่ต้องอยู่ร่วมกันต้องพึ่งพากันและกัน การถนอมรักษาจิตใจและรักชีวิตของกันและกันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงนั้น เป็นสิ่งมีค่าเลอเลิศสูงสุดหาสิ่งใดมาเปรียบมิได้ จริงไหมลองคิดกันดูเถิด
ดูง่ายๆความสัมพันธ์ระหว่าง แม่-พ่อกับบุตร, คุรุกับศิษฐ์,สหายกับสหาย, บ้านเรากับเพื่อนข้างบ้าน, ประเทศชาติของเรากับอาณามิตรประเทศต่างๆ, และอีกสิ่งที่สำคัญที่ลืมไม่ได้ คือ ธรรมชาติกับชีวิต สัตว์ทั้งหลายทุกๆตัวในโลกนี้ กระทั่งยังรวมไปถึง อากาศ ผืนดิน ผืนป่า แม่น้ำ ทะเล มหาสมุทร หรือแม้แต่ดวงดาว พระอาทิตย์ พระจันทร์ ระบบจักรวาล ล้วนผูกพันธ์กันเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกันทั้งสิ้น สิ่งต่างๆที่กล่าวมาหากพบความเสื่อมเสียวิบัติลงเมื่อใดสิ่งต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นย่อมได้รับผลกระทบโดยทั่วกันเป็นลูกโซ่ จะมากหรือน้อยแล้วแต่เหตุปัจจัยที่เป็นส่วนประกอบของสิ่งนั้นๆ อย่างเหตุการณ์ทางภัยธรรมชาติเป็นต้น สาเหตุหนึ่งเกิดเพราะความไม่เที่ยงที่เป็นไปตามธรรมชาติ แต่อีกสิ่งคือ ความเห็นแก่ตัวของกลุ่มคนหรือตัวบุคคลต่างๆ ที่เขาเกิดมาเพื่อทำชั่วเพื่อการกอบโกย เอาแต่ได้ใครจะเดือดร้อนไม่สนใจเปรียบเหมือนสัตว์นรกหนีมาเกิดก็ว่าได้ แต่ถ้า!เรารู้จักเป็นผู้ให้ เป็นผู้มีศีลธรรมรักษากายและจิต รู้จักละอายใจเมื่อคิดชั่ว และเกรงกลัวต่อการทำชั่วไม่กล้าลงมือกระทำความชั่วนั้นเพราะเชื่อในบาปบุญคุณโทษ ทุกอย่างก็เป็นความเมตตากรุณาปราณีต่อกัน ถนุถนอมกายใจของตนเองและผู้อื่นมิให้เจ็บช้ำ ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ทำลายล้างไม่คิดร้ายทำลายใครเพราะสงสารเขาเห็นคนอื่นเปรียบดังเป็นเช่นบุตรอันเป็นที่รักแห่งตน และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ทุกคนล้วนมีความเมตตา มีความปราถนาดีที่จะมีให้แก่กัน ความสงบสุขความร่มเย็นย่อมมีขึ้นกับทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ ถ้าเป็นอย่างนี้เชื้อแห่งโพธิความเป็นโพธิสัตว์เบื้องต้นย่อมเกิดแก่เราทุกคนได้ เนื่องจากเราเป็นผู้ให้มากกว่าการเป็นผู้ขอ เพราะเราทั้งหลายย่อมไม่คิดร้าย ไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่อาฆาตพยาบาทไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่คิดจะทำให้ใครสิ่งใดต้องฉิบหายไป ทุกคนล้วนอยากเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์และปราถนาอยากมอบความสุขให้กัน นี่แหละหนทางแห่งการได้เข้าไปสู่แดนแห่งความสงบ สว่าง สะอาด ในโลกที่ยังมีลมหายใจอยู่โดยไม่ต้องรอให้ตายก่อนแล้วค่อยขึ้นสวรรค์ เพียงพิจารณาเท่านี้สวรรค์ก็เกิดขึ้นแล้วในใจเราในทันทีนี่เอง และนี่เองคือความรักแท้จริง รักบริสุทธิ์ รักไม่เสื่อมคลาย รักชนิดสร้างสรร รักแล้วเป็นสุขปราศจากทุกข์ เพราะทุกคนอยากเป็นผู้มอบให้ มากกว่าอยากเป็นผู้เรียกร้องอยากได้ตลอดเวลา
ฝากท่านทั้งหลายลองคิดพิจารณากันดูตั้งแต่นี้เดี๋ยวเถิดว่าจริงหรือไม่ ถูกหรือเปล่า? ที่เราบูชาเงินทอง ทรัพย์สมบัติ สังคมหน้าตา ชื่อเสียงเกียตรยศ ทั้งหลายว่านั่นเป็นสิ่งที่ยอดที่สุด ความปลอดภัยเป็นสุข ความร่มเย็นเป็นสุข ความสว่างแห่งกายความสบายแห่งจิตและความเป็นปกติสุข ความปลอดภัยอยู่ทุกเมื่อ จะเกิดได้จากอะไรกันแน่ เพียงท่านยิ้มให้กับใครสักคนหนึ่งอย่างจริงใจสิ่งที่ท่านจะได้รับก็คือรอยยิ้มเช่นเดียวกัน เมื่อท่านเป็นผู้ให้อย่างจริงใจท่านก็จะได้รับการให้ตอบเช่นกัน และถ้าโลกนี้มีแต่มิตรภาพสัมพันธะจิตอันอ่อนโยน ความซื่อสัตย์สุจริตที่เปี่ยมไปด้วยเมตตากรุณาต่อกัน ย่อมนำสุขแท้มาให้เราและคนที่เรารักและบ้านของเรา โลกของเรามิใช่หรือ เมื่อนั้นไม่ว่าท่านจะนั่ง จะนอน ยืน เดินในที่ใดๆ ทุกที่นั้นย่อมเป็นสุข เป็นปกติปลอดภัย สิ่งเหล่านี้มิใช่หรือที่เราต้องการอย่างแท้จริง ท่านอาจจะเผลอพูดออกมาว่า “สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ” ก็ได้เมื่อวันนั้นมาถึง
เวลาชีวิตนั้นเหลือไม่มากพอที่จะมาสร้างลีลาอันโฉดเขลาแล้วเป่าประกาศว่า ขอโอกาสอีกสักครั้ง โอกาสนั้นไม่มีสำหรับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา และไม่เห็นคุณค่าแห่งความรักความเมตตาไม่มีโอกาสสำหรับผู้มีใจหยาบ
หากท่านขาดสายสัมพันธ์แห่งโพธิ ขาดสิ้นสัมพันธ์รักแท้ที่มาจากความเมตตา ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สุดของมนุษยชาติที่กำลังจะหมดไปในไม่ช้า โลกจะพินาศเร็วกว่าที่คิดชนิดไม่ทันตั้งตัวก็เป็นได้
เรามาช่วยกันสานต่อ ผูกเชื่อม โยงใยสายสัมพันธ์แห่งความรักอันบริสุทธิ์กันเถิด เริ่มตั้งแต่ตัวเรา ลูกของเรา ญาติของเรา เพื่อนของเรา และผู้คนรอบข้างเรา ที่สุดโลกของเรา เข้าด้วยกันได้หรือยัง ถ้าท่านตอบว่าได้แล้ว ท่านจงเป็นผู้ให้ความรัก ท่านจงเป็นผู้มอบความเมตตานั้นๆ อย่างอ่อนโยนและจริงใจต่อผู้ร่วมสายสัมพันธ์รักนี้เถิด นี่คือสวรรค์บนดินและสวรรค์คนเป็น อย่างแท้จริง.
แก้วเกษม ศรัทธาโพธิธรรม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)